Recent Posts

แนวทางในการเจริญภาวนา




"...พระพุทธเจ้าจึงสอนให้พึงละอภิชฌา
(ความพอใจ) และโทมนัส(ความไม่พึงพอใจ)
ในโลกเสียให้พินาศ 

หมายความว่า เวลาปฏิบัติเมื่อกำหนด
กาย เวทนา จิต หรือ ธรรม 
อย่างเช่นกำหนดความฟุ้ง ให้วางเฉยไว้ 
อย่าไปอยากสงบ ทำใจว่าสงบก็ได้ 

แม้ไม่สงบก็ทำใจไม่ว่าอะไร 

สอนใจตนเองว่าจะปฏิบัติเพื่อไม่เอาอะไร 
อะไรจะเกิดขึ้นมาใน กายในใจ 
ก็จะเป็นผู้ไม่ว่าอะไรจริงๆ 

แต่เรามักคอยจะเอาอย่างนั้น 
คอยจะไม่เอาอย่างนี้ 

แล้วก็หงุดหงิด วุ่นวายเสริมเข้าไปอีก 

จิตที่ไม่มีกิเลสเข้าไปบงการ 
จิตที่วางเฉยอยู่ไม่ว่าอะไรนั้นแหละ 
คือการมีสติอย่างถูกต้อง 
แล้วผู้ปฏิบัติก็จะค่อยๆ เห็น
ธรรมชาติ ความเป็นจริง 
ว่าธรรมทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นความสงสัย 
ความฟุ้งซ่าน ความง่วง ความท้อถอย 
หรือจะเป็นราคะ โทสะ โมหะเหล่านี้ 
ล้วนมีความเกิดดับเป็นธรรมดา

คือเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็เปลี่ยนแปลง 
จางไป คลายไป หายไป ไม่ตั้งอยู่ 

แล้วก็คอยสังเกตอีกว่า 
ลักษณะที่มันคลายหายไปมันมีอะไร

เกิดขึ้นต่อ ก็ดูกันต่อไปอีก 
ไม่ว่าจะเป็นที่กาย หรือที่ใจ 
รวมแล้วก็เป็นการปฏิบัติ
อยู่ในมหาสติปัฏฐาน ๔
ทำสติปัฏฐานทั้งสี่ให้สมบรูณ์ 
บางครั้งรู้กาย บางครั้งรู้เวทนา 
บางครั้งรู้จิต บางเวลารู้ธรรมในธรรม 
แล้วแต่ว่าธรรมใดปรากฏเด่นชัด 
ก็ระลึกรู้ธรรมนั้น 

🔸ฝึกใหม่ๆ ก็ฝึกเป็นขั้นเป็นตอนก่อน 
ดูลมหายใจ ดูอิริยาบถ คือหัดดูกายไปก่อน 
แล้วก็เริ่มสังเกตสภาวธรรมทั่วๆ กาย 
คือความรู้สึกเวทนา 

จนกระทั่งน้อมเข้าไปถึงจิตใจ รู้จิต รู้ใจ 
พอดูทั้งกายทั้งใจเป็น
ขั้นตอนไปไม่เลือกแล้ว 
สิ่งใดปรากฏสติก็ระลึกรู้ รู้ทันๆ 
แล้วก็ฝึกปล่อยวาง

รู้อะไรก็ปล่อยให้หมด ไม่ยึดถือ 
ไม่เอาอะไรทั้งหมด

แต่ก็ยังรู้อยู่ ยังดู ยังพิจารณาอยู่ 
การปล่อยจึงไม่ใช่การปล่อยแบบทิ้งขว้างไป 
ปล่อยแต่ต้องมีการสังเกตด้วย 
สติเป็นตัวระลึก สัมปชัญญะเป็นตัวสังเกต 
การสังเกตก็ต้องมี การระลึกก็ต้องมี 
การปล่อยวางก็ต้องมี 
ปัญญา สมาธิ ความเพียรก็ต้องมี 
มีอยู่ให้ผสมกันไปทั้งปล่อยวาง 
ทั้งสมาธิ ปัญญา ความเพียร 
ทั้งการระลึกและการสังเกต 

🔸สังเกตอะไร ?? สังเกตความเปลี่ยนแปลง 
สังเกตความเกิดขึ้นความหมดไป 
หรือสังเกตว่าบังคับไม่ได้ 
สังเกตเฉพาะที่เป็นปัจจุบัน 
อย่าไปคิดถึงอดีต อนาคตให้ยืดยาว 

ปฏิบัติไปก็ให้เป็นไปด้วยกัน คือ มีทั้งรู้-ทั้งละ 
ผสมกลมกลืนเป็นกลาง 

ค่อยๆ เจริญสติไปจนจิตใจ
มีความผ่องใสเบาเป็นปกติ
จะเห็นว่าสภาวธรรมทั้งหลาย 
ทั้งทางกาย ทั้งทางใจ มีแต่หมดไป สิ้นไป 

นี้คือการปฏิบัติที่เรียกว่า 
“เจริญวิปัสสนากรรมฐาน...”

หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี