Recent Posts

อุปสรรคและการแก้ไข [หลวงพ่อเทียน]


การที่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน แบบที่พวกเรากำลังทำกันอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นปัญหาบางอย่าง จึงจะเล่าให้ฟัง คือแนะนำวิธีที่จะไปแก้ปัญหา ที่มันเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติธรรม


ความตึงเครียด-มึนหัว-เวียนหัว-แน่นหน้าอก ฯลฯ 

  ถ้าหากเราปฏิบัติเบื้องแรก เรามักจะจ้อง บางคนต้องการอยากรู้ อยากเห็น อยากเป็น อยากมี อันนี้เป็นการเข้าใจยังไม่ตรงครับ เมื่อเราจ้อง อยากรู้ อยากเห็น อยากมี มันมีความตึงเครียด บางคนก็มึนหัว มึนศีรษะ แน่นหน้าอก แสดงว่าการกระทำนั้นไม่ตรงแล้วครับ

          ข้อที่สอง คือ มันคิด(คิดมาก) เราบ่อยากให้มันคิด ไปบังคับกดมันไว้ บ่ให้มันคิด มันก็เลยทำพิษให้เรา
          วิธีแก้มัน ก็ต้องทำให้มันสบาย มองไปไกล ๆ แล้วก็ทำความรู้สึกเบา ๆ น้อย ๆ อย่าไปเพ่งมาก เราเดินให้มันสบาย ทำจังหวะ ก็ทำให้มันสบาย ทำเป็นจังหวะ ให้รู้สึกตัว สายตาต้องมองไกล ๆ

ความง่วง       

   ถ้ามันง่วงนอนมาก ต้องไปหาวิธีทำการทำงาน ทำอะไรก็ได้ ถอนหญ้าก็ได้ ล้างหน้าล้างตาก็ได้ ไปอาบน้ำก็ได้ ซักเสื้อ ซักผ้าก็ได้ ให้เราหาวิธีแก้ ว่าอย่างนั้นแหละครับ เพราะมันเป็นอุปสรรค

ความสงบ (แบบสมถะ)       

   ความสงบแบบบ่รู้(ไม่รู้)นั้น เรียกว่าเป็นปิติ ยินดีในความสงบอันนั้น เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติแบบนี้บ่ใช่ว่าจะให้มันสงบดิ๊(นะ)นี่ ให้มันรู้สึกตัวอยู่เสมอ เคลื่อนไหวอยู่เสมอ

วิปัสสนูฯ       

  เมื่อรู้อันนี้(อารมณ์รูป-นาม) ก็แปลว่าภาคต้นจบกันแค่นี้ แล้วคนมาติดแค่นี้แหละ นึกว่าตัวเองรู้ธรรมขั้นสูง...มันเกิดความรู้ รู้นั้นรู้นี้ รู้ไปไม่มีทางสิ้นจบ แล้วก็ภูมิใจในความรู้ตัวเอง เลยไม่ได้ดูความคิด มันคิด...ก็เลยเข้าไปในความคิด

          วิปัสสนูนี้มันอยากเว้า(พูด) มันเป็นคนชอบเว้า(พูด) จิตใจมันไม่อ่อนโยนครับ

          อันวิปัสสนูนั้น รู้แล้วมันหลงมันลืมครับ แล้วจิตใจมันกล้าแข็ง ไม่ลงเอยกับใครทั้งนั้น "กูพูดถูกแล้ว" "ใครจะมาดีเหนือกู" มันเป็นอย่างนั้นครับ อันนี้เป็นความรู้ของวิปัสสนู

          บัดนี้ตอนแก้ ถ้าหากไม่มีใครแนะนำเราต้องทำจังหวะให้มันสบาย...อย่าไปเพ่งอย่าไปจ้อง อย่าไปอยากรู้ อยากเห็น อยากเป็น อยากมี...ให้มันมีความรู้สึกน้อย ๆ เบา ๆ พอดีมันคิดปุ๊บ เราก็มาอยู่กับการเคลื่อนไหว ให้มันอยู่กับการเคลื่อนไหวให้มาก

จิตนญาณ       

บัดนี้มารู้ตอนนี้แล้ว(รู้อารมณ์ปรมัตถ์) มันเป็นปีติ "ใจดี" เย็นอกเย็นใจ...อันนี้เป็นจินตญาณ มันรู้นิ่ม ๆ รู้นั้น รู้นี้ รู้แล้วสบายใจ

          ปีติตามตำราท่านว่ามันดี ปีติ-ความอิ่มใจ ปีติ-ความยินดี ปีติ-ความพอใจ ท่านว่าอย่างนั้น แต่อันนี้(วิธีนี้) ปีติต้องเป็นอุปสรรค เป็นการขัดขวางไม่ให้เราเดินทางต่อไปถึงที่สุดได้

          มันจะเกิดปีติมันจะไปอยู่กับปีติ อย่าให้มันไปอยู่ แต่มันห้ามบ่ได้ เฮาต้องมาทำความรู้สึกให้มาก บัดนี้ ทำให้แรง ๆ จักหน่อย(ทำแรง ๆ สักหน่อย) เพราะเราจะดึงเอา...ออกจากปีติอันนั้น ให้มารู้สึกอันนี้ ทำช้า ๆ ให้มันเป็นจังหวะ เป็นจังหวะไป ทำช้า ๆ ได้ดีมากอันนี้...พอดีรู้สึกมากเข้า ๆ ปีติก็จางไป ๆ มันเป็นอย่างนั้น ก็เลยมาเป็นปกติ

          อันนี้ มันจะแน่นหน้าอกหรือเวียนหัว มีความตึงเครียดเข้ามาเป็นบางอย่างนะครับ-อันนี้ เราต้องมาทำให้มันสบาย ๆ มองไกล ๆ ครับ วิธีแก้ก็ต้องมองไกล ๆ ทำความรู้สึกเบา ๆ ไม่ใช่ว่ามันเป็นแล้วจะไปหยุดไปเซามัน ไม่ใช่อย่างนั้น ต้องเร่งความเพียร ทุ่มเทเข้า- ความเพียรนี่ ไม่ต้องท้อถอย ไม่ต้องอ่อนแอ

          ทำ แต่ว่าให้นอนครับ แต่ว่าตอนนี้ต้องให้นอน แต่บางคนไม่อยากนอน อยากเร่งความเพียร ไม่ ไม่ดีอย่างนั้นครับ ถึงเวลานอนก็ต้องนอน ถ้าหากเป็นกลางวัน-ไม่นอน

วิปลาส       

  วิปลาส ก็แปลว่า เห็นผิดเป็นถูก เห็นนรกเป็นสวรรค์ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว อันนั้นตัวหนังสือ แต่ความจริงวิปลาสนี้ คือมันไปพบเอากับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เรานึกว่าเราได้ เราก็เลยวางอันนั้นไว้ที่นี่ เราก็ไปอยู่ที่นั่น เราไม่ได้มามองที่ตรงนี้ เหมือนกับผู้ร้ายจะมาเอาของเรานี่ละครับ พอดีผู้ร้ายเอาไปแล้ว(เรา)ก็มาหาของ มันไม่เห็นมันไม่เจอครับ นี่ก็แปลว่า มันปิดเราไว้

          เราไม่ต้องไปครับ พอดีมันถึงที่สุดของทุกข์ก็ตาม จะถึงอะไรก็ตามแหละ

          มันถึงที่สุดแล้ว มันจึงรู้ครับ ก็เลยเป็นวิปลาสที่ตรงนี้ครับ แต่ผมเป็น ผมไปติดความสุขครับ เพราะไม่เคยเป็น ไม่เคยมี อย่างนี้

          ผมเดินไป กำลังเดินจงกรม นึกว่ามันสูงขึ้นไปประมาณสักเมตรโน่นแหละครับหรือสองเมตรโน่นแหละครับ เหินดินคือย่าง(ลอยขึ้น เหมือนเดิน)อยู่ในอากาศนี่แหละครับ มันเป็นอย่างนั้น แต่ความจริงเดินบนดินนั่นแหละครับ แต่มันเป็นในใจครับ...ก็เลยติดความสุขอันนั้น ไม่นานผมก็เลย "เอ๊ะ !" ทำไมเป็นอย่างนี้"

          ผมก็เลยหวนกลับเข้ามาดู "อารมณ์" ครับ ตอนนี้ต้อง(ทบ)ทวน"อารมณ์" แต่ไม่ต้อง(ทบ)ทวนอารมณ์ของรูป-นามครับ

          เมื่อมา(ทบ)ทวน"อารมณ์" เห็น "อารมณ์" เข้าใจ"อารมณ์"แล้ว ความสุขอันนั้นก็ค่อยจางไป ๆ หรือลดน้อยลง ๆ ก็จะมาอยู่ปกติเองครับ ให้มันเป็นปกติครับ

 สรุปวิธีแก้ไข       

  ถ้ามันตึงเครียด เวียนหัว หนักอกหนักใจนั้น เราต้องทำเบา ๆ อย่าไปเพ่ง ถ้าไปเพ่งแล้ว มันจะแน่นเข้า มันแก้ไม่ได้ ทำให้มันสบาย มองไกล ๆ ถ้ามองไกลแล้ว มันคลายออกไป-ความรู้นั้น ความหนักอกหนักใจมันจะคลายออกไปเองครับ

          จินตญาณก็เช่นเดียวกัน ให้แก้อย่างนั้น...

          วิปัสสนูกับจินตญาณนั้น ต้องแก้ "วิธีทำ" แต่ว่า(ทบ)ทวนอารมณ์น้อยครับ แต่เรื่องรูป-นามนั้นก็ต้องให้มันแจ่มใส

          ตอนวิปลาสนี่ ต้อง(ทบ)ทวน "อารมณ์"ครับ เมื่อ "อารมณ์"แจ่มใสขึ้นมาแล้ว ความตึงเครียดก็ลดน้อยไปทันที

          แต่ให้มันคิดนะ ห้ามไม่ได้-ความคิดนี่ครับ แต่มันจะคิด รู้-เห็น-เข้าใจ-เป็น-มี

          หากท่านทั้งหลายไปปฏิบัติธรรมะ ต้องพยายามระวังตัวเอง อย่าให้ครูบาอาจารย์ระวังให้ เมื่อผิดปกติแล้วต้องหยุด หยุดทันที หยุดอะไร ? หยุดการกระทำนั่นแหละ เมื่อเราหยุดการกระทำแล้ว สิ่งที่มันเป็นขึ้นมาภายในจิตใจนั้น มันจะค่อยลดไปลดไปเอง