Recent Posts

วิถีแห่งธรรม 4 ขั้นตอน


1. ต้องรู้จักความรู้สึกตัวบริสุทธิ์ตามธรรมชาติ (สติสัมปชัญญะ) ให้เป็นก่อน โดยผ่านกระบวนการรับรู้ภายใต้ความรู้สึกที่กายก่อน (รูป) ไม่ใช่รู้นามก่อน (เวทนา จิต ธรรม) โดยอาศัย กฏ 3 ข้อเทียบเคียง

          ๑. ระลึกรู้ รับรู้ ความรู้สึกทั้งกาย รู้หลวมๆไม่เจาะจงรู้อวัยวะเพียงบางส่วน(ผู้มาใหม่อาจจะยากต้องหัดเคลื่อนไหวไม่นั่งนิ่งหรือ เดินจงกลม สร้างจังหวะเหมือน ลพ. เทียน จึงจะรับรู้ได้)
          ๒. รับรู้โดยไม่ตีความหมาย ไม่เทียบเคียง ไม่ให้ความหมาย(พูดหรือแสดงข้างใน) ต่อความรู้สึกตัวบริสุทธ์...นี้ทั้งสิ้นเช่น อันนี้คือ จิตปภัสสร อันนี้คือจิตเดิมแท้
          ๓. รับรู้โดยไม่พูดกำกับอิริยาบททั้งในใจและออกเสียงทั้งสิ้น (เช่น ก้าวซ้าย ก้าวขวา) และทุกๆ กรณี

2. เมื่อเข้าใจสติบริสุทธ์นี้แล้ว ให้ปลุกเขาบ่อยๆ โดยนำไปผูกกับอริยาบททั้ง 4 ในชีวิตประจำวัน
คือ เมื่อเดินก็รับรู้ ความรู้สึกตัวบริสุทธ์เคลื่อนไหวใดๆ ก็ให้รับรู้ความรู้สึกตัว  ในมือใหม่อาจต้องปลุกหรือกระตุ้นการรับรู้หน่อยเพราะเขายังไม่มีกำลังทำงานเองได้ โดยให้ฝึกในภาวะปกติ ไม่ใช่มีอารมณ์ ขึ้นมาแล้วค่อยฝึกให้อยู่ในชีวิตประจำวันให้ได้มากๆ เวลาที่ใช้ในการติดตั้งระบบสติบริสุทธ์..นี้ ประมาณ 1 - 3 เดือน

3. เมื่อระบบสติบริสุทธ์ติดตั้งได้แล้ว(อัตโนมัติ) เขาจะเริ่ม รู้เป็น เห็นได้ ด้วยตัวเอง เช่น เมื่อเราขยับกายเขาจะรู้สึกตัว เมื่อเราคิดไปฟุ้งไปสติเห็นเขาจะรู้สึกตัว และ ออกจากความคิดนั้นเองได้ โดยไม่ต้องไปทำไปสั่งใดๆ เลย และความรู้สึกตัวอันนี้ก็ไม่มีภาระของผู้รู้ ผู้ดู ผู้เป็น ทีจะต้องรักษาไว้ เขาจะมาเอง ทำงานเอง ไปเองตามกฏของไตรลักษณ์ โดยไม่มีการดัดแปลง (รู้เห็นรูปนามตามความเป็นจริง)
ข้อจำกัด คนที่ไม่ได้เริ่มจากสติบริสุทธ์ตามธรรมชาติในฐานกายนั้น จะข้ามขั้นไปเป็นรู้นามเลย ( จิต ) สติรู้นั้นจะเจือปนความอยากติดไปด้วย

          อุปมาเหมือน เริ่มต้นก็ใส่แว่นสี เมื่อมองจ้องอะไรสีก็ผิดเพี้ยนเมื่อเห็นได้ก็ติดใจไม่ยอมถอดแว่นอีก คือเริ่มก็ไม่ตรงลงท้ายก็หลงยึดถือ  ด้วยเหตุแห่งความอยากเป็น ผู้รู้ ผู้ดู ผู้เป็น ทั้งสิ้น จึงสร้างภาวะเฝ้ามองขึ้นมา การแก้จำเป็นต้องดูรายละเอียดแต่ละรายไป ไม่มียาวิเศษแก้ที่เดียวทั้งหมด เมื่อดำเนินชีวิตปกติด้วยความรู้สึกตัวบริสุทธ์ตามธรรมชาติแล้ว ชีวิตจิตใจจะเบาๆ โล่งๆ โปร่งๆ ไม่มีอะไร ชีวิตจะได้หยุดได้พักจากอารมณ์ความขุ่นมัว อาการปรุง อาการฟุ้ง ทั้งหลายได้จริง ในเวลาไม่นาน

4. การพัฒนาขั้นปัญญารู้ธรรม (ไม่ใช่รู้จำ) ขั้นนี้อธิบายลำบากครับ เพราะถ้าอธิบายไปก็จะติดกับดักการจดจำของจิตในปุถุชน อย่างแน่นอนผมขอไม่อธิบายรายละเอียดครับ เอาเป็นว่ามี 3 เรื่องที่เกี่ยวพันธ์กันนะครับ
          ๑. การเข้าถึงกลไกลธรรมชาติและความสัมพันธ์ของ รูป นามนี้ จะเกิดขึ้นดังตาเห็น จึงเป็นเหตุให้สิ้นสงสัยในธรรมทั้งปวง ไม่ใช่ตีความหมายหรือจำความหมาย แล้วสรุปมาเป็นความเข้าใจของตนจนฟุ้ง ผู้รู้ร่ำไป
          ๒. จิตวางสมมุติบัญญัติทางโลกด้วยตัวเอง ไม่มีความตั้งใจไม่มีเจตนาทั้งสิ้น ดังเขาทำหน้าที่เองทั้งหมดแบบสะอาดหมดจด เป็นเหตุให้จิตไม่ยึดไม่เกาะไม่เกี่ยวกับความคิดทั้งปวง จิตจึงเป็นอิสระ และ จะระลึกถึงคุณแห่งพระพุทธองค์หลวงพ่อเทียนนั้นแทบแทรกแผ่นดินกราบในความรู้ตรงรู้จริง และเมตตาที่จะถ่ายทอดไว้ให้ชนรุ่นหลัง...
          ๓. ชีวิตของกายนี้ จะมั่นคงมากๆ ไม่หวั่นไหวใดๆ เลยถึงแม้นความตายในขณะนั้น เป็นเหตุให้ชีวิตที่เหลืออยู่ดำเนินไปบนเส้นทางที่ควรค่าต่อตนต่อโลก

บทความ อาจารย์ กอบชัย ปฐมโพธิภัทรสุข