"การรู้สึกตัว" รู้เพื่อไปปลุกธาตุรู้ หรือจิตผู้รู้ให้เด่นขึ้นมา
ให้รับสัมผัสถึงสิ่งต่างที่มากระทบกาย (เอาแค่หมวดกายพอ) แค่ให้รู้ เช่นเดินไปธรรมดาปกติ เวลาเท้ากระทบพื้น ก็ให้รู้สึกตัวเป็นสติ "แค่รู้" เวลาลมพัดผ่านกายก็ให้รู้
จุดที่ต้องรู้นี้สําคัญมาก ให้รู้แค่รู้ถึงความรู้สึกที่กายถูกโดนลมเท่านั้น
อย่าไปให้ความหมายใดๆ อย่าไปคิด แค่รู้ว่ารับรู้ถึงความรู้สึกตัว โดยไม่มีอะไรต่อ ไม่คิดต่อ ไม่มีความหมายต่อ เช่นลมพัดกระทบกาย แค่ รู้ แต่ไม่ไปคิดแปรความหมายว่าลมแรงลมช้าลมร้อนลมเย็น
"แค่รู้สึกตัว" อย่าไปให้ความหมายแม้แต่ไปคิดว่าเป็นลมด้วย นี้หล่ะคือการรับรู้
ถึงความรู้สึกตัวที่มันมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ เป็นสติที่บริสุทธิ์ ปราศจากความคิด เป็นการเจริญวิปัสสนา แบบสติปัฏฐาน 4 ในหมวดกาย ครับ ทําอันนี้ให้ได้กันทุกคนนะ สิ่งนี้เมื่อทําบ่อยๆแล้วจะทําให้สติมีกําลังมากขึ้นมาเรื่อยๆ จนก้าวหน้าในวิปัสสนาอย่างมากๆ
หลังจากที่ รู้สึกในชีวิตประจําวันได้บ่อยแล้ว และให้ดีให้ทําควบคู่ไปกับการตามรู้ลมหายใจ ไปในชีวิตประจําวันด้วย ให้ทําบ่อยๆในทุกวันที่นึกได้ ให้ทําไปเรื่อยๆ อย่าไปเพ่งอย่าไปเกร็ง ทําไปเรื่อยๆเล่นๆ อย่าอยากได้สภาวะ แล้วจะได้เองโดยไม่รู้ตัว ถ้าไปอยากได้ไปคิดมากไปลังเลสับสนตอนทํา มันจะไม่ได้อะไร ให้ทําไปเลย ทําเล่นๆ ทําได้อย่างนี้ มรรคผลก็ไม่ไกลแล้วครับ
ให้รู้แค่ความรู้สึกตัวไปเรื่อยๆ ครับ เมื่อไหร่เผลอ! ก็ให้รู้ตัว ให้กลับมา รู้ความรู้สึกตัวพอ ความรู้สึกตัวจะค่อยๆเด่นชัดขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นการเจริญสติวิปัสสนา จาก" ตอนแรกที่รู้แค่แว๊ปเดี๋ยว " แค่แว๊ปเดียว เท่านั้นนะ
ไม่ต้องไปพยายามรักษาความรู้สึกตัว ถ้าไปพยายามให้รู้สึกตัวต่อไปนานๆ จะกลายเป็นการพยายามไปรู้สึกตัว จะไม่ใช่ความ" รู้สึกตัวที่บริสุทธิ์ " จะเป็น "การคิดรู้สึกตัวแทน " แยกดีดีนะครับ ตรงนี้หล่ะ ที่ไปสับสนกันทําผิดกันมาก ทําให้วิปัสสนาไม่เจริญ ปัญญาญาณที่จะรู้ธรรมจึงไม่เกิดกันครับ
การเดินจงกรม
ให้เดินสบายๆแบบเบาๆโล่งๆไม่ได้คิดอะไรไม่ได้ให้ความหมายใดๆ " รับรู้ความรู้สึกได้ที่กาย " เช่นเท้ากระทบพื้นก็
ให้รู้แล้วจบ (ไม่ใช่ไปตามรู้เท้าก้าว กลายเป็นไปคิดเพ่งเท้าก้าวไป จะกลายเป็นสมถะ) ทําอย่างนี้ถึงเป็นการเจริญวิปัสสนาครับ หรือ
รู้วูบๆวาบๆแว๊ปเดียว ตอนลมพัดผ่านกาย หรืออยู่เฉยๆวูบผ่านกายผ่านกระประสาทกระแสเลือดในกาย แค่รู้ นั้นหล่ะ รู้ความรู้สึกตัวแล้ว
การเดินจงกรมถ้าจะทําสมถะในการเดินจงกรมให้เพ่งไปที่การก้าวย่างของเท้าก็จะได้สมถะเหมือนกันครับ เช่นตามรู้การก้าวย่างของขาเท้า จะได้สมถะครับ แต่ถ้าไม่ตามดูตามรู้ แต่
แค่รู้แว๊ปๆ ตอนเท้ากระทบพื้น เกิดรู้ความรู้สึกตัว จะเป็นการเจริญสติความรู้สึกตัว จะเป็นการเจริญวิปัสสนาญาณเพื่อจะเอาปัญญาญาณในการรู้ธรรมได้เอง เพื่อเอามรรคผลครับ
แต่สรุปทําอะไรแล้วดีแล้วชอบ ทําไปก่อนเลยครับไม่เป็นไร พอสมถะเข้มแข็งขึ้นมากๆ เดี๋ยวพอมาเจริญวิปัสสนามันก็จะไปได้เร็วมากๆครับ แต่ถ้าจะเอาแต่สมถะแล้วไม่เอาวิปัสสนามาช่วยในตอนท้าย ปฏิบัติไปมากๆก็ไปได้แค่พรหม ไม่ถึงนิพพาน
Trader Hunter พบธรรม