ความรู้สึกตัว เป็นพื้นฐานสำคัญเบื้องต้นของอารมณ์วิปัสสนาและปัญญาญาณ ดังนั้น การเจริญสติให้รู้เนื้อรู้ตัวอยู่เรื่อยๆ จึงเป็นพื้นฐานที่ดีของการเจริญวิปัสสนาญาณ เพราะความรู้สึกตัวชัดๆในปัจจุบันขณะและเข้าใจว่าความรู้ตัวชนิดนี้
สามารถทำให้จิตหยุดปรุงแต่งได้เป็นพักๆได้ ซึ่งเป็นการพักจิต
เมื่อเข้าใจกับอาการของจิตชนิดนี้ได้ ก็จะไม่เกิดภาวะเก็บกดใดๆซ่อนเร้นอยู่ในจิต เป็นการเจริญสัมปชัญญะและสัมมาสมาธิได้โดยตรง บางครั้งผู้ปฏิบัติ อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้กิริยาท่าที หรือท่าทางตามพิธีกรรมใดๆ เข้ามาบังคับตนเองให้ลำบาก เพราะในชีวิตประจำวัน เราอาจไม่มีเวลาว่างมากนัก ที่จะปฏิบัติตามรูปแบบ แต่เราสามารถตามรู้อาการต่างๆของกายใจได้ไม่ขาดสาย
ดังนั้น การเจริญสติสัมปชัญญะที่สามารถเข้าใจได้แบบนี้ เป็นสมาธิที่เอื้อต่อการเจริญวิปัสสนาได้อย่างวิเศษ โดยไม่ต้องมีความลังเลสงสัยใดๆเลย เพราะ
สมาธิแบบนี้เรียกว่า อนันตริกะสมาธิ คือสมาธิที่ต่อเนื่อง แบบไม่มีอารมณ์อะไร มากระทบแซกแซงให้ขาดตอนได้ง่ายๆ เพราะมีกำลังของสัมปชัญญะคอยคุ้มกันอยู่ ความเข้าใจสมาธิชนิดนี้ เป็นผลให้ผู้ปฏิบัติ ไม่รู้สึกลังเลในการปฏิบัติ และจะสามารถทุ่มเทเวลาปฏิบัตได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เพราะดังได้กล่าวแล้วว่าการทำสมาธิแบบนี้ ไม่มีท่าทีลีลา หรือรูปแบบใดๆมากำหนดตายตัวว่า ต้องนั่งแบบนี้ เดินแบบนั้น มาเป็นกรอบให้เดิน จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกๆอิริยาบถ และทุกๆกิจกรรม ทุกๆการงานในชีวิตประจำวัน
เพียงแต่ตั้งจิตให้มั่นคงไว้กับการเคลื่อนไหวของกาย เวทนา จิต และอารมณ์อย่างชัดเจนและต่อเนื่องไปเรื่อยๆเท่านั้น
ผู้เริ่มต้นฝึกใหม่ ต้องเดินตามรูปแบบก่อน
แต่สำหรับผู้ใหม่หัดขับ ต้องไปเริ่มต้นตั้งไข่ที่
รูปแบบการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวของหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภมาก่อน เจริญสติตามรูปแบบนั้นมา จนกว่าจะ
เห็นอารมณ์รูปนามตามความเป็นจริงแล้ว จึงจะสามารถ
เจริญอนันตริกะสมาธิ คือสมาธิแบบไร้รูปแบบได้ดี และเห็นผลชัด
ถ้าไม่เริ่มต้นฝึกแบบนั้นมาก่อน ก็เป็นเรื่องยากที่จะผลชัดเจน เพราะการเห็นรูปนามเบื้องต้นที่ถูกต้องจริงๆนั้น จะสามารถช่วยลดกระแสความรุนแรงของความเคยชินหรือสัญชาตญาณ อย่างน้อยก็หนึ่งในสี่หรือ 25 เปอร์เซ็นต์ของความเคยชินที่มีเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
ด้วยการเข้าใจสมาธิแบบไร้รูปแบบเช่นนี้ จะเป็นกำลังให้ปัญญาญาณเจริญได้ง่าย และเจริญได้ตลอดเวลาด้วย เพราะอาศัยปัญญาญาณชนิดที่มีความเข้มแข็งของ
สติสัมปญญะเป็นฐานราก จะทำให้จิตว่างจากความคิดปรุงแต่งได้เป็นเวลานานๆ ตราบเท่าที่สติสัมปชัญญะของเรายังต่อเนื่องอยู่ เพราะรู้สาเหตุของมันว่า จิตปรุงแต่งเกิดจากกำลังสติสัมปชัญญะอ่อนตัวนั้นเอง แล้วจะสามารถระงับเหตุของการปรุงแต่งจิตนั้นๆ ได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ จิตจึงว่างจากการปรุงแต่งได้เป็นเวลานานๆ ได้ จึงเป็นเหตุให้เกิดนิโรธสัญญา และสุญญตาจิตในเวลาต่อมา
หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท