Recent Posts

จิตยึด กับ จิตปล่อย (วาง)

ปล่อยวางสิ่งใด หมดทุกข์เพราะสิ่งนั้น

ถาม  : อยากปล่อยวางได้ ต้องเริ่มจากอะไร?

ดังตฤณ : ต้องเริ่มจากอะไร? ต้องเริ่มจากความเข้าใจ เพราะว่าหากไม่เข้าใจธรรมชาติของจิตแล้ว มันก็จะไม่มีลำดับการปฏิบัติที่จะถูกฝาถูกตัว ส่วนใหญ่จะไปเริ่มกันจากอุบายนะ ให้คิดอย่างโน้น ให้ทำอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นเหมือนกับการปลอบประโลมชั่วครั้งชั่วคราว


แต่ถ้าหากว่าเราทำความเข้าใจ ว่าทั้งหลายทั้งปวง มันมีแค่ ‘จิตยึด’ กับ ‘จิตปล่อย’ มีอยู่แค่ ๒ อย่างนี้ เราก็จะได้แนวทางการปฏิบัติที่เป็นสากล ใช้ได้ตลอดชีวิตที่เหลือนะ

หลังจากที่เราเข้าใจได้แล้วว่า จิตมีแต่ ‘ยึด’ กับ ‘ปล่อย เราก็ตั้งคำถาม ตั้งโจทย์ว่า ทำอย่างไรจิตถึงจะมีอาการปล่อย มีอาการคลาย? พระพุทธเจ้าตรัสว่า อนิจจสัญญา หรือ ความเห็นว่าไม่เที่ยง สามารถครอบงำความสุขความทุกข์ทั้งปวง หรือ แม้กระทั่งอุปาทานสำคัญมั่นหมายผิดๆ คือพูดง่ายๆว่า อาการยึดมั่นถือมั่นจะสู้ ‘อาการเห็นความไม่เที่ยง’ ไม่ได้ ! ถ้าจิตเห็นอยู่ ถ้าจิตจดจ่อเห็น ‘ความไม่เที่ยง ไม่เท่าเดิม’ ไม่ว่าจะเห็นอะไรก็แล้วแต่ มันจะคลายออก !

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราสังเกตอยู่ว่าเรามีความทุกข์ เรามีความอึดอัดในนาทีนี้ สมมุติว่าบอกตัวเองว่า "ยึดมาก ทุกข์มาก" ลองสังเกต นึกขึ้นมาเล่นๆดูว่านาทีต่อไป มันยึดเท่าเดิม มันทุกข์เท่าเดิม หรือว่ามันน้อยลง

การที่เราค่อยๆเห็นไปทีละนิดๆ สังเกตเข้ามาว่า อาการยึด อาการแน่น อาการเค้น อาการเหมือนกับโศกเศร้า อยากคร่ำครวญ  หรือว่าอยากที่จะรินน้ำตาออกมา ‘มันมีไม่เท่าเดิม’ ในแต่ละนาที เราจะค่อยๆเกิด ‘ปัญญา’ 

ตัวปัญญาที่เห็นว่ามันไม่เที่ยง จะทำให้จิตเกิดอาการคลาย คือ มันจะรู้ขึ้นมาเองว่า กำอยู่ เหมือนมือกำอะไรเปล่าๆเนี่ยเป็นอาการอย่างหนึ่ง แล้วพอกำไปแล้ว เออ! ของที่กำอยู่มันไม่เที่ยง มันเหมือนกับกำก้อนอะไรที่มันเปลี่ยนรูปได้ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วจะกำไปทำไม มันก็จะมีอาการเหมือนกับปล่อยมือ
คลายมือออกมาตามธรรมชาติ ธรรมดาของจิตที่ฉลาดขึ้นนะครับ

อันนี้ก็ขอให้ลองดูก็แล้วกัน แค่ลองแค่นี้แหละ สังเกตความยึดนะ ว่ามันมากหรือว่ามันน้อย ถ้าสังเกตเป็นนาทีได้ ก็สามารถจะสังเกตเป็นลมหายใจได้ แต่ละลมหายใจเนี่ย ความยึดไม่เท่ากันนะครับ

ดังตฤณ