เมื่อหัดรู้สึกร่างกายหายใจอยู่ บางขณะจิตอาจไหลไปที่จดจ่อที่ปลายจมูกเองตามความเคยชิน
ก็ให้รู้ว่าจิตไหลไปที่ปลายจมูก ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องดึงจิตออกมา ให้แค่รู้ว่าจิตไหลไปเท่านั้น แล้วจิตที่ไหลไปจดจ่อตรงปลายจมูกจะดับไปเอง ถ้าไม่ดับก็แค่รู้ต่อไป หรือจะน้อมกลับมาเริ่มรู้ร่างกายหายใจใหม่ก็ได้
การที่จิตไหลไปจดจ่อที่ใดที่หนึ่ง แล้วเรารู้ว่าจิตไหลไปจดจ่อ แต่จิตที่ไหลไปไม่ดับ ถ้าเรามีสติปล่อยให้จิตจดจ่อต่อไปสบายๆ ไม่เพ่งจ้องจนเคร่งเครียด แล้วก็รู้อย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนจิตสามารถจดจ่ออยู่ได้เองนานๆ ไม่เคลิ้มไป จิตจะค่อยๆเข้าสู่ความสงบเอง หากเป็นแบบนี้ก็จะเป็นการทำสมถะ ซึ่งมีประโยชน์ในการทำให้จิตได้พักและมีกำลัง ใครสามารถทำสมถะได้ก็ควรทำตามสมควรเพื่อให้จิตได้พักและมีกำลังแต่อย่าติดหรือพอใจแค่ความสงบ เพราะจะเดินปัญญาต่อไม่ได้
ในทำนองเดียวกัน เมื่อหัดรู้สึกร่างกายหายใจ นอกจากจิตจะไหลไปจดจ่อที่ปลายจมูกแล้ว บางขณะจิตจะไหลไปจดจ่อที่ลมหายใจบ้าง ไหลไปจดจ่อที่ท้องพองยุบบ้าง ไหลไปคิดบ้าง ไหลไปได้ฟังเสียงบ้าง ไหลไปหาอารมณ์อื่นบ้างซึ่งเมื่อจิตไหลไปแล้ว ก็ให้รู้ว่าจิตไหลไป ถ้ารู้ทันจิตไหลไปได้ จิตที่ไหลจะดับไปแล้วจะกลับมารู้ร่างกายหายใจได้ใหม่เอง หรือถ้ารู้ทันแล้ว จิตที่ไหลไปไม่ดับ ก็สามารถน้อมจิตให้กลับมารู้ร่างกายหายใจใหม่ เหมือนเป็นการล้มกระดานเริ่มนับหนึ่งใหม่นั่นเอง
ทีนี้พอหัดรู้ร่างกายหายใจไปบ้าง รู้ทันจิตที่ไหลไปบ้าง จิตก็จะมีกำลังตั้งมั่นมากขึ้น จนรู้สึกได้ว่าร่างกายที่หายใจเป็นสิ่งหนึ่ง จิตที่รู้ร่างกายหายใจเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ตรงนี้แหละที่จะเป็นการเริ่มแยกกายแยกจิต (แยกขันธ์) ได้เอง เป็นจุดตั้งต้นที่จะทำวิปัสสนาต่อไป
สำหรับการทำรูปแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นอานาปานสติหรือรูปแบบอื่นๆ เช่นเดินจงกรม สวดมนต์ ก็จะมีหลักเหมือนๆ กัน สามารถทำได้ทั้งเป็นการฝึกสติรู้กายใจ ทำสมถะให้จิตสงบ หรือทำเป็นวิปัสสนา เห็นไตรลักษณ์ของกายใจก็ได้ แล้วแต่ว่าในขณะนั้นเราเห็นสมควรทำรูปแบบอย่างไร หรือแล้วแต่ว่าขณะนั้นจิตจะดำเนินไปอย่างไรได้ ที่สำคัญคืออย่าฝืนให้จิตเป็นอย่างที่ต้องการ
- ถ้าจิตจะแค่รู้สึกร่างกายหายใจก็ให้รู้ไป
- ถ้าจิตจะไหลไปก็ให้รู้ทัน (อย่าบังคับไม่ให้ไหลไป)
- ถ้าจิตจะเป็นสมถะก็ให้มีสติทำสมถะไป
- ถ้าจิตจะตั้งมั่นรู้กายรู้ใจเป็นไตรลักษณ์ก็ให้ทำวิปัสสนาไป
เสร็จจากการทำตามรูปแบบแล้วก็ให้ออกมามีสติรู้กายรู้ใจในชีวิตประวันต่อไปอีกปฏิบัติแบบนี้ให้ได้ทุกวันสติปัญญาก็จะเจริญขึ้นจนแจ้งอริยสัจได้ในที่สุด.
สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา