Recent Posts

หลักวิปัสสนาเพื่อแก้นิสัย [คิด] เครียด


          สลัดความเชื่อผิดๆว่าสิ่งกระทบภายนอกทำให้เครียด เช่น ที่เคยนึกว่าความเครียดมาจากความบีบคั้นในที่ทำงาน หรือที่บ้าน ขอให้ตั้งมุมมองใหม่ปักใจเชื่อว่าความเครียดมาจากวิธีคิดเท่านั้น เพื่อให้ขอบเขตในการจัดการแก้ปัญหาแคบลงมากที่สุด คือ แก้กันที่ลักษณะการคิดอย่างเดียว

          เห็นลักษณะเครียดที่เกิดขึ้นในร่างกาย ว่าเป็นส่วนเกินและไม่เที่ยง ขณะคิดเรื่องใด สำรวจดูว่ากำลังเครียดหรือไม่ คือ
          ..มีความรู้สึกแข็งๆอยู่ในหัว
          ..คิ้วขมวด หน้าผากตึง
          ..อึดอัดอยู่ในอก
          ..มือเกร็งเท้างอ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมดรวมกันหรือเปล่า

          ถ้ามีอยู่ ขอให้หยุดคิดชั่วคราว หันความสนใจมาสำเหนียกรู้สึกถึงลักษณะเครียด ที่เกิดขึ้นในร่างกาย ‘ตรงจุดที่เรารับรู้ได้เด่นชัดที่สุด’ พิจารณาว่านั่นเป็น ‘ส่วนเกิน’ ต่างหากจากความคิด อย่าทำอะไรมากกว่าเห็นส่วนเกินนั้น ให้เฝ้าดูเฉยๆ แล้วจะพบว่า ส่วนเกินนั้นละลายหายไปเอง อาจช้าหรือเร็ว แต่มันจะหายไป ขอให้ลองดูจริงๆก็แล้วกัน

          เห็นความต่างระหว่างหนักกับเบาที่ร่างกายจุดเดิมนั้น ณ จุดเดิมนั้นๆ เมื่อเห็นภาวะเครียดหายไป จะเกิดความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งเบาขึ้นแทน กับทั้งมีความรู้สึกในอิริยาบถปัจจุบัน เช่น นั่ง หรือยืน ขอให้ทำความรู้สึกอยู่กับสภาพเบากายครู่หนึ่ง เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความต่าง ระหว่างสภาพหนักเมื่อครู่ก่อน กับสภาพเบาในปัจจุบัน

          การกำหนดรู้ถึงความแตกต่างระหว่างหนักกับเบา จะมีส่วนสำคัญยิ่ง เพราะสภาพหนักกับสภาพเบา เป็นสิ่งที่จิตจดจำได้

          เมื่อลองสังเกตให้เห็นจนเกิดความหมายรู้ สามารถแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างสองสภาพ 
สิ่งที่ตามมาคือปัญญาเห็นตามจริง คือ หนัก ก็แค่ภาวะหนึ่งของกายกับจิต เบา ก็แค่ภาวะหนึ่งของกายกับจิต ไม่ใช่มีภาวะใดภาวะหนึ่งเป็นตัวคุณอย่างถาวรเลย

          ยิ่งเห็นภาวะต่างบ่อยขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเกิดปัญญา เห็นทุกภาวะไม่ใช่ตัวตนของคุณมากขึ้นเท่านั้น
เราจะทำงาน หรือแบกภาระปัญหาได้ดีที่สุด ขณะกายกับใจมีความสงบนิ่ง ปลอดโปร่ง เหมือนเตรียมถนนว่างๆ ให้พรักพร้อม รับการแล่นฉิวของขบวนความคิดนับสิบนับร้อยระลอก

แบบฝึกหัด ๑  สังเกตนิสัยขณะอ่านหนังสือ

          สังเกตนิสัยทางการอ่านหนังสือของตัวเองว่ามีอาการเพ่งหรืออาการรู้สบายๆ ถ้าเพ่งจะเห็นตัวหนังสือแคบจำกัด แต่ถ้ารู้สบายๆ หัวคิ้วไม่ขมวด หน้าผากผ่อนคลาย หลังตั้งคอตรง คุณจะทอดตามองเห็นได้กว้างขึ้น

          หากรู้ตัวว่ามีนิสัยทางการอ่านแบบเพ่ง แรกๆให้สังเกตอาการขึงตา หรืออาการเกร็งตัว และให้ทราบว่า นั่นเป็นเครื่องสะท้อนว่าใจ กำลังเพ่งหนักโดยไม่จำเป็น ขอให้หยุดอ่าน เพื่อสังเกตความแข็งตัวติดค้างทางจิต เพียงสองสามวินาที จะรู้สึกว่างโล่งขึ้นนิดหนึ่ง ให้จำภาวะนั้นไว้ใช้อ่านหนังสือต่อไป
ติดความเครียดอีกก็หยุดอ่านอีก ทำบ่อยๆ จะค่อยๆกลายเป็นนิสัยใหม่ถาวร

แบบฝึกหัด ๒   ชมสวน

          เดินไปในที่ที่มีต้นไม้ใบหญ้า และ อากาศที่ปลอดโปร่ง หากเป็นเวลาที่ฟ้าใสด้วยจะเหมาะมาก
ถ้าเดินเท้าเปล่าเหยียบผืนหญ้านุ่มได้ยิ่งดีใหญ่ แล้วสังเกตว่า
          ..ขณะตามองดอกไม้
          ..ขณะที่หูฟังเสียงนกร้อง
          ..ขณะที่ฝ่าเท้ารับสัมผัสใบหญ้า ใจคุณกำลังคิดถึงอะไร?

          หากไม่เกี่ยวกับดอกไม้ที่ตาเห็น ไม่เกี่ยวกับเสียงนกที่ได้ยิน ไม่เกี่ยวกับใบหญ้าที่สัมผัส
ขอให้ถือว่านั่นเป็น ‘ราก’ ของความเครียดทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ความอยากให้คนที่เรารักมาชมสวนด้วยกัน แต่หากความคิดของคุณวนเวียนอยู่กับ ความสังเกตสังกา สีสันและรูปทรงสัณฐานของมวลไม้ ขอให้ถือเป็นตัวอย่างการว่างจากความเครียด

แบบฝึกหัด ๓   สังเกตความเครียด

          เมื่ออยู่ระหว่างวัน ไม่ว่าจะเจอใคร คุยกันเรื่องอะไร หรืออยู่คนเดียว แล้วครุ่นคิดถึงสิ่งใด ขอให้สังเกต สังเกต และสังเกตว่าขณะหนึ่งๆ เครียดแล้วคิด คิดแล้วเครียดยิ่งขึ้นอีก หรือ ว่างจากเครียด แล้วค่อยคิด เพียงเมื่อเปรียบเทียบได้บ่อยๆจนเห็นว่า

          ..เครียด ก็แค่ภาวะหนึ่งที่ปรากฏให้รู้
          ..สบาย ก็แค่อีกภาวะหนึ่งที่ปรากฏให้รู้เช่นเดียวกัน

          ไม่มีภาวะใดภาวะหนึ่งเป็นตัวคุณ คุณไม่ต้องจมปลักอยู่กับภาวะนั้นๆตลอดไป เท่านี้ก็เรียกว่าเป็นวิปัสสนาขั้นต้นได้แล้ว

ดังตฤณ