Recent Posts

อย่าเชื่ออะไร ง่าย ๆ


          ทางที่ดีเราปฏิบัติธรรมเราอย่าเชื่อง่าย ๆ  เห็นอะไร รู้อะไร อย่าไปเชื่อว่ามันจริงจัง อย่าเอาจิตไปน้อมเชื่อบางคนที่มีทรรศนะเรื่องที่เราเชื่อ เรื่องที่เรามุ่ง เรื่องเข้าเจ้าเข้าทรงอยู่  แล้วก็ยังปฏิบัติไม่ค่อยเป็น ไปนั่งตามโบสถ์ ตามเจดีย์ โบราณสถาน บรรยากาศอย่างนั้นจะชวนให้เราปรุงแต่ง พอไปมีสมาธิ เกิดปีติ ตัวมันสั่น ตัวมันโยก เอาแล้ว อะไรมาทรง จิตมันทึกทักอย่างนั้น  มันก็จะเป็นไป สะกดตัวเอง

          เราให้รู้ไว้ก่อนว่าการปฏิบัติเมื่อจิตมีสมาธิขึ้น เกิดปีติ มันทำให้ตัวมันสั่นได้ ตัวเรามันสั่นเองได้ โยกได้ สะบัดได้อะไรได้ ขนลุก เสียวแปลบปลาบขึ้นมา ตัวพอง ตัวใหญ่อะไรแบบนี้ เราอย่าไปคิดเรื่องภายนอกว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้มาสิงอยู่ในตัวเรา ให้รู้ว่านี่มันเป็นภาวะของการปฏิบัติมันเป็นอย่างนี้

          ทุกคนก็เป็นทั้งนั้นเวลาปฏิบัติไปถ้ามาก ๆ มันต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างน้อยก็ตัวเบาเหมือนจะลอย น้ำตาไหล ตัวพอง มันมีกันทั้งนั้นแหละถ้าเราปฏิบัติไป

          ให้เราเข้าใจ มันเป็นภาวะของการปฏิบัติ อย่าไปหลง มีสิ่งนั้นสิ่งนี้มา มันก็จะไปทึกทักเอา แล้วบางคนก็กลัว บางคนก็อยากรู้ อยากจะเห็น อยากจะติดต่อโลกทิพย์ โลกวิญญาณอะไรอย่างนี้ เป็นเหตุทำให้หลงทางได้ง่าย

          เราปฏิบัติให้มุ่งสู่ความบริสุทธิ์ไว้ มุ่งสู่ความละ เราไม่เอาอะไร  อย่าไปเอาเรื่องอยากรู้อยากเห็นอะไรสิ่งภายนอก เอาว่าทำอย่างไรจิตเรามีสติปัญญา มีความบริสุทธิ์ไว้ก่อน

          ปฏิบัติธรรม จะเป็นทางป้องกันได้อย่างมาก ในทางที่จะไม่หลงอารมณ์ มีอะไรก็ไม่สนใจ จะเห็นจะรู้ก็ปล่อยออกไป กำหนดมาในตัวเอง มารู้ในตัวเอง การได้ฟัง ได้รับคำสอนไว้ก่อนว่า เวลาปฏิบัติมันเกิดอย่างนี้ๆ เข้าใจว่าเป็นอะไรอย่างไร ก็ช่วยป้องกันการหลงทางผิดเพี้ยนได้

          เราเป็นผู้ปฏิบัติเจริญสติอยู่กับการระลึกรู้อยู่กับจิตใจ มันจะไม่หลงง่าย แล้วก็จะไม่ไปทางนิมิต ถ้าปฏิบัติเป็นตั้งแต่ต้น ระลึกรู้ดูสภาวะอยู่เสมอ ดูรูปดูนาม ดูสภาวธรรมที่เกิด พวกนี้จะไม่มีภาพนิมิตอะไรมาปรากฏ เหมือนโยมที่ปฏิบัติมานานอยู่กับดูรูปดูนาม  ดูปรมัตถ์เป็น มันก็จะอยู่กับสภาวะ ไม่หลงทาง

หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี