ขอให้ทำความเข้าใจว่าการ
‘นั่งสมาธิ’ มีหลายรูปแบบ หลายระดับ หลายผลลัพธ์ แง่ของรูปแบบสมาธิ แบ่งคร่าว ๆ ที่สุด ได้แก่
๑)
สมาธิทั่วไป เป็นสมาธิที่ยัง
ประกอบด้วยการยึดว่า เราจะทำสมาธิ เราได้สมาธิแล้ว หรือเราเสียสมาธิไปแล้ว ตอนยังทำไม่ได้ หรือเสียสมาธิไปแล้ว ย่อมเกิดความเสียใจเป็นธรรมดา ก็ความเสียใจนั้น เป็นเพื่อนสนิทกับโรคซึมเศร้าแท้ ๆ ฉะนั้น สำหรับสมาธิทั่วไป จึงไม่ประกันว่าแก้โรคซึมเศร้าได้ไหม
๒)
สมาธิแบบพุทธ เป็นสมาธิที่ขึ้นต้นด้วยสัมมาทิฏฐิ คือ ทำความเข้าใจว่า
ไม่มีใครทำสมาธิ ไม่มีใครได้สมาธิ มีแต่จิตฟุ้งซ่านเปลี่ยนเป็นสมาธิ หรือจิตที่เป็นสมาธิเคลื่อนมาเป็นฟุ้งซ่าน
เมื่อเกิดสมาธิแบบพุทธ
จะมีสติรู้ว่าจิตเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เกิดดับเป็นดวงๆ ไม่ใช่ตัวตนแน่นอนของใคร พอได้สมาธิก็ไม่หลงยินดี หรือหลงตัว พอเคลื่อนจากสมาธิเลยไม่เสียใจหรือเสียความเชื่อมั่น สมาธิแบบพุทธจึงแก้อาการซึมเศร้าได้ เนื่องจากคลายความยึดมั่นสำคัญผิด อันเป็นอาหารหลักของโรคซึมเศร้าลงเรื่อยๆ วันต่อวัน
แง่ของระดับสมาธิ แบ่งคร่าว ๆ ที่สุด ได้แก่
๑)
ระดับเริ่มต้น แม้จะเข้าใจวิธีทำสมาธิแบบพุทธ ก็มีก้าวแรก ซึ่งถ้าไม่มีทุนทางสมาธิ โครงสร้างจิตใจเป็นแบบไร้เป้าหมาย ความคิดวกวน เหม่อลอย จะดูลมหายใจแต่ละทีต้องฝืนพยายาม อันนี้ไม่ประกันว่าจะแก้ซึมเศร้าได้ไหม ฝืนไปฝืนมาอาจเป็นหนักขึ้นไปอีก
ระดับเริ่มต้นทำสมาธิจึงควรอาศัยปัจจัยอื่นอุดหนุนไปด้วย ถ้ารู้ตัวว่าต้องกินยา ก็ให้กินยา ถ้าอุดอู้อยู่ในเมืองแล้วจะประสาท ก็หาทางปลีกวิเวกบ้าง ถ้าไม่ออกกำลังกายยืดเส้นสายเลย ก็จัดๆเสียหน่อย
อย่าหวังพึ่งการนั่งหลับตาทำสมาธิท่าเดียว
๒)
ระดับกลางถึงก้าวหน้า หมายถึงจิตที่มีทุน มีกำลังอยู่บ้าง จากฐานโครงสร้างเดิม เช่น มีสมาธิในการเรียน มีสมาธิในการทำงาน มีเป้าหมายชีวิตชัดเจน แต่ที่พลาดเป็นซึมเศร้าเพราะเครียดเกินไป
มุ่งมั่นทุ่มเทแบบขี่ช้างจับตั๊กแตนจนชิน อะไรนิดอะไรหน่อย เพ่งจ้องหนักหน่วงไปหมด สุดท้ายร่างกายพัง เกร็งแน่นทั้งตัวตลอดเวลา เลยเป็นซึมเศร้าแบบไม่เจตนา แบบนี้ถ้าใจเย็น จับจุดถูกว่าทำจิตไว้สบายอย่างไร ค่อยๆเป็นค่อยๆไปท่าไหนแล้วดีเอง ในที่สุดก็แก้โรคซึมเศร้าได้ เพราะตัดอาหารสำคัญของโรคซึมเศร้า คือ ความเร่งร้อน ความจะเอาให้ได้อย่างใจทิ้งได้สำเร็จ
แง่ของผลลัพธ์ แบ่งคร่าว ๆ ที่สุด ได้แก่
๑)
เข้าไม่ถึงความเป็นพุทธ ขอให้สังเกตเถิด แม้จะเข้าใจว่า ‘ฉันทำสมาธิแบบพุทธ’ แต่ถ้า ‘ตัวฉัน’ มันไม่ลดลง ตรงข้ามกลับเติบกล้าขึ้น ร้อนแรงขึ้น อยากประกาศศักดามากขึ้น ก็ขอให้เร่งรู้ตัวว่า นั่นไม่ใช่ผลลัพธ์ของสมาธิแบบพุทธแน่นอน
วิธีแก้ง่ายที่สุดตามที่พระพุทธเจ้าสอนในจิตตานุปัสสนา คือ
หัดสังเกตตอนจิตเคลื่อนจากสมาธิ
เห็นว่าที่ผ่านไป เป็นสมาธิจิต เป็นแค่จิตดวงหนึ่ง เห็นว่าที่กำลังเกิดใหม่ เป็นจิตฟุ้งซ่าน เป็นแค่จิตอีกดวง เห็นให้ได้บ่อยๆ แล้วอัตตาอันเกิดจากการสำเร็จสมาธิ จะค่อยๆคลายตัว เบาบางลง ไม่เป็นเหตุให้หวนกลับไปเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายๆ
๒)
เข้าถึงความเป็นพุทธ คือ รู้สึกว่ามีแต่จิตที่เป็นสมาธิ ไม่มีบุคคลผู้สำเร็จสมาธิ แม้จิตรวมลงเป็นฌานยิ่งใหญ่ไพศาล ก็มีสติรู้ มีพุทธิปัญญาประกอบอยู่ เห็นอยู่ว่านั่นแค่จิตดวงหนึ่ง เดี๋ยวก็แตกดับไปเป็นจิตอื่น ถ้าได้อย่างนั้น จะไม่มีทางเป็นโรคซึมเศร้าอีกเลยตลอดชีวิต
จะเป็นสมาธิแบบพุทธ ต้องมีพระพุทธเจ้าเป็นประกัน ท่านสอนให้นับเริ่มจากการสังเกตง่ายๆ คือ
ตอนนี้ลมหายใจเข้าหรือออก ตอนนี้ลมหายใจแสดงความไม่เที่ยงอย่างไร สั้นกว่าลมก่อน หรือยาวกว่าลมก่อน
รู้ไปเรื่อยๆ จนสติผุดขึ้นประกอบจิตว่า มีแต่จิตผู้รู้ ผู้สังเกตกองลมทั้งปวงอยู่ ไม่มีบุคคลผู้รู้ นั่นแหละจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องของสมาธิแบบพุทธ
ที่มา : ดังตฤณ