แหล่งกำเนิดของอารมณ์เหล่านี้มาจากไหน ?
ลองถามตัวเองแล้วนึกดูว่า อารมณ์เหล่านี้มาจากไหน ? ใครรู้บ้าง อารมณ์ที่คิดอยู่ในใจมาจากไหน อะไรเป็นตัวผลิตให้เกิดอารมณ์นั้น อะไรเป็นตัวกำเนิดของอารมณ์เหล่านี้
พระโสดาบันตอบได้ ไม่ใช่โสดาบันตอบไม่ได้ แล้วปฏิปทาไหนหนอเป็นการนำไปสู่การดับอารมณ์เหล่านี้ แล้วเวลาดับจะดับอย่างไร ? การประพฤติปฏิบัติอย่างไร นำไปสู่ความดับเหล่านั้น เขาแจ้งใจและดับได้ระดับหนึ่งแล้วนั่นคือ พระอริยบุคคลตั้งแต่เบื้องต้นขึ้นไป คือ พระโสดาบันขึ้นไป เพราะรู้ครบในองค์ ๔ ประการ คือ รู้ในอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง นึกตอบได้ไหม ?
อยากจะรู้ว่าต้นเหง้าเค้ามูลของอารมณ์เหล่านี้มาจากไหน ? จะดับอย่างไร ? ใครดับได้? การประพฤติปฏิบัติอย่างไรนำไปสู่ความดับนั้น ตอบได้ไหม ?
ถ้าตอบไม่ได้ ๔ อย่างนี้ พ้นทุกข์ไม่ได้ คือ ความรู้ของเราไม่พอ
แรกๆ ทำจิตให้สงบแบบบังคับ ตอนนี้เราจะให้จิตเลิกไปเลย ไม่ต้องคิดอะไร เลิกเดินทางเสีย เลิกท่องเที่ยวเสีย แล้วเราจึงจะมีความสุขอย่างที่เราต้องการ ต้องทำลายอารมณ์ทั้งหมดออกจากตัวเอง ถามว่าอารมณ์เหล่านี้มาจากไหน อะไรเป็นตัวผลิตให้เกิดอารมณ์ ดังเช่น น้ำที่ผุดขึ้นมาๆ เหมือนที่ผุดขึ้นมาอยู่ตลอด อะไรทำให้อารมณ์เหล่านี้เหือดแห้ง แล้วจะเข้าไปสู่การปฏิบัติให้พ้นทุกข์อย่างไร ? ใครตอบได้ ?ลองถามแล้วลองตอบดูซิ
ความรู้เหล่านี้สูงมาก ถ้ารู้แล้วดับได้เลย ถ้ารู้แล้วจะไปสู่การดับทุกข์ได้จริง เหมือนว่าเทียนเล่มนี้ไฟไม่ค่อยนิ่งเพราะมีพัดลมอยู่ แล้วเขารู้ว่าการจะให้แสงเทียนนิ่งจะต้องไปปิดพัดลม แล้วเขาก็ไปปิดเพราะรู้ว่ามาจากพัดลมเป็นสาเหตุ แล้วก็รู้ว่าจะไปปิดพัดลมปิดอย่างไร หมายถึง รู้ปฏิปทาที่จะไปสู่การปิดตรงนั้น รู้การปิดคือ วิธีปิด รู้ว่าปิดแล้วพัดลมจะดับหยุดพัดไป แสงเทียนจะนิ่งไม่ดับ
เราต้องการให้จิตนิ่ง เหมือนต้องการให้ไฟนิ่งนั่นเอง แต่ถ้าเราไม่ปิดพัดลมแสงเทียนจะนิ่งได้อย่างไร เราไม่ได้แก้ที่ไฟอย่างเดียว คือ เราไม่ปิดพัดลม แต่เอามือบังให้แสงเทียนนิ่งอยู่ได้ ถ้าทำเช่นนี้อย่างเดียวคือ
แก้ที่ปลายเหตุใช่ไหม ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ
แต่ถ้าคนนั้นแก้ปัญหาให้ได้ถาวรจริงๆ ให้ครบระบบ คือ สาเหตุที่แสงเทียนไม่นิ่งเพราะมีลม ลมมาจากไหน แหล่งที่มาคือพัดลม พัดลมเป็นสาเหตุทำให้แสงเทียนไม่นิ่ง ปฏิปทา คือ วิธีการดับพัดลมให้หยุดการทำงาน จึงนำไปสู่การดับของพัดลมนั้น ผลออกมาคือ ไม่ต้องใช้มือบังลมอีกแล้ว แสงไฟจากเทียนส่องสว่างนิ่งได้
อุปมา จิตเหมือนแสงเทียนดวงนั้น ลมเหมือนกับ
อารมณ์ เราจะบังคับให้จิตนิ่ง แต่ไม่แก้ที่พัดลมไม่ได้ปิดพัดลม จะจบได้หรือเปล่า เราต้องฉลาดกว่านั้น คือ ค้นหาเหตุ เขาต้องมีสาเหตุของเขามา
เราอยากจะให้จิตนิ่งแต่บังคับให้จิตนิ่งอย่างเดียว การเอามือบังเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ต้องไปสนใจว่าลมมาจากไหน คนนั้นไม่มีทางที่จะรู้เลย และไม่มีทางที่จะสำเร็จความปรารถนาของตน เพราะมัวแต่จุดเทียน แต่พัดลมไม่ปิด จะแก้ปัญหาได้อย่างไร แก้ปัญหาไม่ได้เพราะสาเหตุของปัญหาคือพัดลม
จิตดวงนี้เหมือนไฟ เราคิดซิว่าจิตดวงนี้ทำให้นิ่งๆ อย่างไร เราไปดับที่อารมณ์อย่างเดียวจิตก็ไปไม่เป็น การดับที่ลมประหนึ่งว่าเป็นการทำลายอารมณ์ทั้งหมดได้ จิตจะนิ่งเองโดยที่ไม่ต้องบังคับ แต่เมื่อก่อนจะให้จิตนิ่งเอง โดยการบังคับให้นิ่ง กว่าจะนิ่งได้ก็ทุลักทุเล ดีไม่ดี บังคับไม่ได้เลย นี่คือ เหตุผลของการกระทำอย่างแรก การบังคับไปเรื่อยๆ แล้วให้จิตนิ่งเอง
ถ้าเราทำลายที่อารมณ์ แต่เราไม่เน้นที่ว่าจิตจะนิ่งหรือไม่นิ่ง เหมือนว่าเราจะคิดว่าไฟจะนิ่งหรือไม่ก็ไม่สนใจแล้ว ปิดพัดลม เมื่อพัดลมถูกปิดลง ลมก็หยุด เราจะปรารถนาว่าไฟนี้จงแกว่งเถิด จงอย่านิ่งเลย ไฟนั้นก็นิ่งอย่างเดียวเพราะไม่มีลม ปรารถนาให้ไม่นิ่งไฟก็จะนิ่ง ฉันใดก็เหมือนกันจิตดวงนี้ ถ้าเราทำลายสาเหตุของอารมณ์ทั้งหมด เราจะปรารถนาว่าให้จิตนี้เป็นสมาธิก็เป็นสมาธิ แม้ไม่ปรารถนาให้จิตเป็นสมาธิ ก็ยังเป็นสมาธิอันเดียวกัน เป็นสมาธิโดยที่ไม่มีอารมณ์ เพราะอารมณ์ถูกกำจัดไปแล้ว
นี่คือการมองความแหลมลึกของสาเหตุเหล่านี้ คือ เราจะต้องมองอะไรที่กว้างนั้นคือ มองให้ครบองค์ประกอบถึงความเปลี่ยนแปลงและความเป็นมาของเขา ความจริงแล้วต้องมีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยอยู่ เราถึงจะพบทางแก้ปัญหาได้ ตอบได้หรือยังว่าอารมณ์เหล่านี้มาจากไหน ?
ลองตอบซิ เข้าใจแล้วว่าจิตปรุงแต่ง
“จิต คือ ตัวรู้ ปรุงแต่ง คือ อารมณ์” ถามว่าอารมณ์มาจากไหน อารมณ์อยู่ภายนอกนั้นไม่ใช่ “ความจริง คือ จิตของเราวิ่งไปหาอารมณ์เอง อารมณ์นั้นไม่ได้วิ่งมาหาเรา” ถ้าเราไม่วิ่งอารมณ์ก็อยู่ตรงนั้นแหละ ไม่มีอารมณ์เกิดขึ้นจิตของเรา ไม่ได้หมายถึงว่าอารมณ์จะเข้ามาหาเราเอง แต่จิตเราวิ่งหาอารมณ์เอง
เพียงแต่จิตเราไม่ไปเท่านั้น อารมณ์ก็ไม่มีแล้ว
ใครรู้บ้างว่าอารมณ์เหล่านี้มาจากไหน ?
“อารมณ์เหล่านี้ คือ กิเลส เป็นอนุสัยที่นอนเนื่องในขันธสันดานมีอยู่”
ตัวเหล่านี้มาจากไหน ? อะไรเป็นสาเหตุของอารมณ์ ที่ผุดขึ้นๆ ตลอดเวลา อะไรเป็นต้นกำเนิดของอารมณ์ ถ้าเห็นแล้วเข้าใจได้ก็จะดับตรงนี้ได้ ต่อไปจิตดวงนี้ยุติเลย คนๆ นั้น แต่คนที่จะตอบได้นั้น คือ พระโสดาบัน ขึ้นไปตอบได้แล้วก็ดับได้ด้วย ชัดเจนเลยเพราะโครงสร้างทั้งหมดเปิดให้มองเห็นสิ่งเหล่านี้ตามความเป็นจริง
จิตกับอารมณ์มาคลุกเคล้ากัน คือ จิตปรุงแต่ง เหมือนเอาข้าวกับแกงมาผสมกันเป็นของผสมแล้ว ก็คือปรุงแต่งแล้ว แต่เราแยกกับและข้าวให้ออกจากกัน โดยที่จิตอย่าปรุงแต่งเลย แล้วการปรุงแต่งมาจากไหน ? มาจากอุปาทานขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นที่มาของต้นกำเนิดของอารมณ์ทุกชนิด “อุปาทานขันธ์ ๕ หมายถึง ความยึดมั่นขันธ์ ๕ เป็นต้นกำเนิดความปรุงแต่งอันนี้ ต้นเหง้าของอุปาทานขันธ์ ๕ มาจากไหน มาจากความไม่รู้ (อวิชชา) แล้วความไม่รู้นั้น ไม่รู้อะไร ? ไม่รู้อริยสัจ ๔ มีอยู่ ๔ ประการ คือ ไม่รู้จักตัวทุกข์ ไม่รู้เหตุแห่งทุกข์(สมุทัย) ไม่รู้การวิธีดับทุกข์ (นิโรธ) ไม่รู้ปฏิปทาออกจากทุกข์(มรรค อันเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์)”
“อีกนัยหนึ่ง คือ ไม่รู้ว่าความคิดมาจากไหน ?ไม่รู้ว่าความคิด คือ ทุกข์ และไม่รู้ว่าความคิดนี้มาจากไหน ? จะดับความคิดได้อย่างไร ไม่รู้ว่าปฏิปทาที่จะนำไปสู่การดับทุกข์จะเดินทางไหนดี การไม่รู้อริยสัจ ๔ กับการไม่รู้สิ่งนี้เป็นอันเดียวกัน”
ฉะนั้น
“คนที่จะดับทุกข์ได้ต้องไปถอนอุปาทานขันธ์ ๕ ออก แล้วความคิดจะออกไปเองโดยปริยาย ความคิดเหล่านี้จะจางคลาย จางลงๆๆ เบาลงๆ ผลที่สุดมีเพียงจิตดวงเดียวอยู่กับโลก แต่ไม่มีอารมณ์ใดๆ” จิตดวงนี้จะเลิกคิดเลิกนึก และเลิกปรุงแต่ง ความปรุงแต่งจะยุติตรงนั้นได้ ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ คือ ตัวทุกข์ การเข้าใจของเรารู้ได้ยาก ทำอย่างไรอุปาทานขันธ์ ๕ นี้เราจะรู้จักได้อย่างไร ?
คนที่รู้จัก กับคนที่ไม่รู้จัก อุปาทานขันธ์ ๕ ต่างกันอย่างไร ? เราจะรู้ตัวเองไหมว่า เรารู้จักอุปาทานขันธ์ ๕ คำถามเหล่านี้ลองนึกตอบดูซิ “คนที่มีอุปาทานขันธ์ ๕ ก็คือ คนไม่แจ้งในขันธ์ ๕ อันเดียวกัน และคนที่ไม่มีอุปาทานขันธ์ ๕ ก็คือคนที่แจ้งในขันธ์ ๕ อันเดียวกัน
แจ้งก็คือ รู้ขันธ์ ๕ ถอนอุปาทานได้ ถ้าไม่แจ้งก็ถอนไม่ได้ ถอนไม่ได้อารมณ์ก็ยุติไม่ได้ อันเดียวกัน
ฉะนั้น อารมณ์ทั้งหมดมาจากตรงอุปาทานขันธ์ ๕ เป็นแหล่งกำเนิด” การที่เราฝึกโดยการบังคับจิตให้เป็นสมาธินิ่งอยู่เป็นสมถะ แล้วการมองเห็นตัวเองให้จิตอยู่กับตัว เห็นอาการ ๓๒ เอาจิตฝังแน่นในอวัยวะต่างๆ ในร่างกายเป็นวิปัสสนา เกิดเป็นมหาสติทำให้แจ้งในขันธ์ ๕ เราจะต้องรู้ว่าทำอย่างไร จะให้ดับอุปาทานขันธ์ ๕ และต้องรู้วิธีว่าจะดับอย่างไร? ถ้ารู้ว่าอุบายออกอย่างไร ? คนนั้นรู้ประเสริฐ รู้อย่างเลิศ รู้คุณ รู้โทษ รู้อุบายออก รู้ปฏิปทาออกจากอุปาทานขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริง
หลวงพ่อจรัญ ทักขญาโณ