ถ้าพูดถึงเรื่องธาตุเรื่องขันธ์จริง ๆ
แยกลงไปตามหลักอริยสัจจริง ๆ แล้ว ดินมันทุกข์ที่ตรงไหน น้ำทุกข์ที่ตรงไหน ลม ไฟ มันทุกข์ที่ตรงไหน น้ำเต็มแผ่นดิน ลมเต็มแผ่นดิน ไฟเต็มแผ่นดิน
ตรงอันไหนมันเป็นทุกข์ มันไม่ได้เป็นทุกข์
ที่ว่าเป็นทุกข์ ท่านว่าเป็นทุกข์
ทุกข์นี้หมายถึงใจดวงหลงนั้นแหละ ดวงหลง ๆ นั้นแหละเป็นผู้แบกผู้หามทุกข์ เป็นผู้หลงทุกข์ ไม่ใช่ผู้อื่นผู้ใด เพราะฉะนั้นจึงต้องมาแก้ตัวนี้ แก้ผู้ที่หลงทุกข์นี้เอง
ด้วยการ
พินิจพิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์ ก็เพื่อจะได้เปลื้องตนออกจากความสำคัญ ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเราเป็นของเรา และถอนตัวออกมาด้วยความทราบชัดว่านั้นเป็นดิน นี้เป็นน้ำ นั้นเป็นลม นี้เป็นไฟ แข้งขาอวัยวะนี้เป็นเครื่องมือที่จิตใจนี้ใช้เท่านั้นเอง ความจริงแล้วสิ่งเหล่านี้ไม่ทราบความหมายของตัวเอง ว่าเป็นมือ เป็นเท้า เป็นจมูก เป็นตา เป็นหูอะไร ๆ ไม่ได้มีความสำคัญในตน ไม่มีความหมายในตน
มีแต่ใจไปให้ความหมายทั้งนั้น และใจก็เป็นผู้หลงอยู่เต็มหัวใจด้วย
เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนให้พิจารณาทางด้านจิตใจ ไม่สอนที่อื่น จะสอนอะไรเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ สอนให้มันเป็นอะไร นอกจากสอนตัวใจ ใจดวงมันลุ่มหลงนี้ให้รู้เรื่องรู้ราวแล้วมันจะได้
ปล่อยวางอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นในดิน ในน้ำ ในลม ในไฟ ที่สำคัญว่าเป็นตนเป็นของตนนี้ออกเสียโดยหลักธรรมชาติของเขา ให้อยู่ตามหลักธรรมชาติของเขา ใจของเราก็ย้อนเข้ามาเป็นตัวของตัว ไม่ยึดไม่ถือกับสิ่งใด ถอนเข้ามา ๆ
หลวงตาพระมหาบัว