จิตของเราเป็นนักท่องเที่ยว มันออกเที่ยวทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็คือกามคุณ ๕ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส โดยมี
ใจเป็นผู้เสวยอารมณ์ ซึ่งเป็นความสุขที่ไม่เที่ยงเป็นโทษ ต้องดิ้นรนกวัดแกว่งแสวงหาและมีภัยรอบด้าน
ฉะนั้น เราต้องศึกษาให้รู้จักจิตก่อน จิตที่เกิดกิเลส มันชอบคิดโน่นคิดนี่ เช่น คิดถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ตนชอบ ทีแรกก็รู้สึกเฉยๆ ถ้ารักษาอารมณ์นั้นไว้ ปรารภอารมณ์นั้นให้มากขึ้นๆราคะที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น ที่เกิดแล้วก็เกิดมากยิ่งขึ้น ทำให้เราอยากไปหาคนๆนั้น โทสะก็เหมือนกันถ้าเราคิดถึงคนที่เราไม่ชอบหรือเป็นศัตรูกัน โทสะที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น ที่เกิดแล้วก็เกิดเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้เราโกรธคิดแก้แค้น คิดโต้ตอบ
เราจะเอาชนะเรื่องเหล่านั้นได้ ต้องเปลี่ยน
เอาจิตมาพิจารณาร่างกาย จิตถึงจะสงบหนีการปรุงแต่งไปได้ ทำอย่างไรจะชนะ ชนะอย่างชนิดที่ว่าเข้าสมาธิก็สงบ ออกจากสมาธิก็สงบ เราต้องพาจิตเดินทางเส้นทางสายใหม่ การใช้ขันธ์ ๕ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) เป็นเครื่องเดินทาง หรือพิจารณาขันธ์ ๕
คือเอาจิตย้อนเข้ามาหาตัว เพราะเห็นโทษของอารมณ์ที่เราเคยเดินอยู่ก่อน เราต้องพลิกผันชีวิตไปอีกทางหนึ่ง อะไรที่โลกนี้มีอยู่คืออารมณ์ของโลก เราจะเอาออกไปให้หมด จึงต้องเอาจิตเดินเส้นทางตรงกันข้าม คือมรรคมีองค์ ๘ ต่อไป จะไม่ปล่อยใจไปข้างนอกอีกแล้ว
จิตนิ่งสงบถาวรไม่ได้ เราจะเอาจิตมาพิจารณาร่างกาย ระวังความคิดพิจารณา
เราต้องแก่ เจ็บ ตาย อวัยวะน้อยใหญ่ทั้ง ๓๒ ประการ ผม ขน เล็บ ฟัน หนังเนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า น้ำดี เสลด น้ำหนอง เลือด เหงื่อ น้ำมันข้น น้ำตา น้ำมันเหลว น้ำลาย น้ำมูก น้ำไขข้อ น้ำปัสสาวะ มันสมอง ว่าเป็นอย่างไร เพื่อถ่วงดุลอำนาจ เพื่อคานอำนาจ มันปรุงแต่งไปก็น้อมกลับมาที่ร่างกาย เอาจิตใส่ใจในอารมณ์ โยนิโสมนสิการ ต้องพิจารณาให้เห็น ถ้าไม่เห็นให้สมมุติขึ้นมาก่อน ทำทั้งกลางวันกลางคืน เพราะจิตมันไม่หยุดปรุงแต่งไม่ว่ากลางวันกลางคืน เราจึงจำเป็นต้องทำทั้งกลางวันกลางคืน
ให้นึกถึงร่างกายเป็นธาตุ เป็นปฏิกูล ความตาย ราคะไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับไป โทสะไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับไป โมหะไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับไป
เราต้องพาจิตท่องเที่ยวไปในกายด้วยความอดทน จึงจะสามารถเอาชนะอารมณ์ได้
โดยสร้างอารมณ์ฝ่ายตรงกันข้ามมาลบล้าง ทำบ่อยๆต่อเนื่องตลอดเวลา จิตจะเริ่มเห็นตัวเอาเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ เพราะของเดิมมันหนาแน่นมาก ต้องทำความเพียรมากๆ จนเห็นแจ้งเป็นพยานว่า ตัวเราไม่เที่ยง ไม่มีสาระแก่นสารจริงๆ เมื่อก่อนจิตไม่เห็น จึงถ่ายถอนกิเลสออกไม่ได้
ต้องทำสติปัฏฐาน ๔ กายคตาสติให้แจ้ง เป็นแรงหักล้างกัน ขณะเดียวกันกระแสจิตที่ไวต่ออารมณ์ จะลดกระแสลง จนไม่มีกระแส โลกนี้คงจะวุ่นวายมาก ถ้าเราพาจิตให้พ้นจากอารมณ์ไม่ได้
หลวงพ่อจรัญ ทักขญาโณ