อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่จริงแล้วมันก็ที่เดียวกัน อยู่ในที่เดียวกัน ความเปลี่ยนแปลงที่ว่า
อนิจจัง มันเปลี่ยนไป ปรากฏแล้วก็เปลี่ยนแปลงไป มันก็เท่ากับว่าเป็นทุกข์ ความทุกข์ คือหมายถึงว่า ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
("ทุกข์" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง แค่เจ็บปวดทางกาย ไม่สบายร่างกายอันนี้เรียกว่า "ทุกขเวทนา")
ทุกข์ ที่จะให้เห็นในที่นี้ก็คือ ทุกข์ที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ฉะนั้นลักษณะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ มันก็มาจากความเปลี่ยนแปลง ก็คืออนิจจังนั่นแหละ ที่มันเปลี่ยนแปลง ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และ
อนัตตา คือ การบังคับบัญชาไม่ได้ มันก็มาจากความเป็นทุกข์นั่นแหละ คือทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ คือจะบังคับให้มันตั้งอยู่อย่างนั้นก็ไม่ได้
รูปนามที่มันเกิดขึ้น บังคับให้มันอยู่อย่างนี้นั้น ก็ไม่ได้ มันก็จะต้องทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ บังคับมันไม่ได้ ดังนั้น อนัตตาก็มาจากความทุกข์นั่นแหละ
แต่ว่าการเข้าไปรับรู้ มันจะไปคนละแง่ บางคนปฏิบัติไปก็เห็นในแง่ของอนิจจัง บางคนก็เห็นในแง่ของทุกขัง บางคนก็เห็นในแง่ของอนัตตา แต่ก็คืออยู่ในที่เดียวกัน คือ อนัตตา ความบังคับบัญชาไม่ได้ ก็คือเป็นทุกข์นั่นเอง คือทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ก็คือ มันเปลี่ยนแปลงก็คืออนิจจังนั่นเอง
ฉะนั้นเราก็มีจุดยืนว่า
วิปัสสนาต้องไปเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่เห็นอย่างอื่น ไม่ใช่ไปเห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นวิมาน เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือว่าไปเห็นสีแสง เห็นสิ่งที่ลี้ลับอะไรไม่ใช่ ต้องเห็นรูปนามเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ถ้าปฏิบัติไปยังไม่ถึงขั้นของการเห็นรูปนามเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ชื่อว่ายังไม่เข้าถึงวิปัสสนา
ถึงแม้จะทำจนจิตนิ่ง ดับความรู้สึก ก็ยังไม่ชื่อว่าเป็นวิปัสสนา แม้จะนั่งได้เป็นวันๆ โดยไม่ขยับร่างกาย
บางคนนั่งได้หลายๆ ชั่วโมง แต่
ไม่ได้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ไม่เป็นวิปัสสนา
หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี