สำหรับอาตมา มีประสบการณ์ว่าการเจริญสติไม่จำเป็นต้องนั่งหลับตา หลวงพ่อเคยทำวิธีหลับตามาแล้ว แต่ ไม่เกิดปัญญา พอมาทำวิธีใหม่ วิธีของหลวงพ่อนี้ มันเกิดปัญญา ทำให้รู้สึกว่าถูกต้องกับตำรับตำราของคนสมัยใหม่
วิธีของหลวงพ่อนี้ บางคนอาจจะคิดว่าเป็นของใหม่ก็ได้ เพราะยังไม่เคยได้ยิน แต่ความจริงแล้วเป็นของเก่าตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าสอนนั่นแหละ
การเจริญสติที่อาตมาทำมา และกำลังเล่าให้ฟังอยู่นี้ทำดังนี้
★ สมมติว่า เรากำลังนั่งพับเพียบ หรือ กำลังนั่งเก้าอี้ หรือ กำลังนอน หรือ ยืนก็ได้
ให้เอาสติมาจับความเคลื่อนไหวของมือ พลิกมือขึ้น-คว่ำมือลง ยกมือขึ้น-เอามือลง ให้มีสติรู้ทุกอิริยาบถ
ทำอย่างนี้บ่อย ๆ นี่เป็นการเจริญสติอย่างหยาบ ๆ พูดง่าย ๆ คือ ให้มีสติอยู่ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่ง-นอน-ยืน-เดิน ‘จะทำอะไรอยู่ก็ตามให้รู้สึก
การทำวิธีใคร ๆ ก็ทำได้ จะนับถือศาสนาอะไร ก็นำเอาไปทำได้ทั้งนั้น ไม่ว่าชนชาติใดก็ทำได้ เพราะทุกคนมีกายกับใจด้วยกันทั้งนั้น ทุกศาสนาก็สอนเหมือนกันหมด คือ ให้ละความชั่ว ทำความดี
★★
เมื่อเจริญสติจนชำนาญแล้ว ให้เอาสติเข้าไปจับความรู้สึกของจิตใจ คือ รู้ตามอารมณ์ ไม่ว่าจะคิดอะไร ก็ให้รู้ ให้เห็น
ให้คอยจับดูความคิดของตัวเองอยู่ตลอดเวลา คือ ดูจิตดูใจของตัวเองตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร จะอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ขุดดิน ฟันหญ้า อาบน้ำ ทำอะไรก็ตามให้คอยเฝ้าดูจิตดูใจของตัวเองตลอดเวลา ว่าเกิดความรู้สึกอย่างไรขึ้นพอใจ ไม่พอใจ กังวล สงสัย ซึ่งเป็นความคิด เป็นอารมณ์ ก็ให้เราเฝ้าดูความคิด ดูอารมณ์นั้นแล้วเราจะเห็นความคิดต่าง ๆ เช่น ความดีใจ เสียใจ อยากได้ อยากไม่ได้ โกรธ เกลียด
มันไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลา มันเกิดขึ้นแล้วมันก็ดับไป เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ เราไม่ได้ดีใจ หรือเสียใจอยู่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
การเปลี่ยนแปลงนี่แหละ ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เป็น อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา
ฉะนั้น เราอย่าไปตามอารมณ์ ถ้าเราไปตามอารมณ์ เราก็จะเกิดทุกข์ เราเพียงแต่คอยดูมัน พอคิดอะไรวูบขึ้นมา ก็ให้รู้ ให้เห็น พอเรารู้ มันจะหยุด ‘การหยุด’ ก็เท่ากับว่า ‘เราได้ทำลายกิเลสนั่นเอง’
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ