Recent Posts

วิชาม้างกาย หลวงปู่หลุย


วิชาม้างกาย

...วันหนึ่งไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ได้ยินข่าวว่า มีแม่ชีอภิญญาณสูงอยู่ที่วัดป่าบ้านสองคร ภาวนาเก่งมาก รู้วาระจิตคนอื่น มีหูทิพย์ ตาทิพย์ อย่างเช่นไปฟังพระเทศน์…องค์ไหนไปติดที่ธรรมขั้นไหน ๆ แม่ชีจะรู้หมด บอกได้ถูกหมด ได้ยินว่าชื่อ แม่ชีจันทร์ และ แม่ชียอ เฉพาะ แม่ชียอ นั้นตาบอด แต่ทางธรรมะนั้นเลิศมาก และไม่ต้องอาศัยสายตาก็รู้เห็นทุกอย่างหมด ตาเนื้อ เสีย ก็ไม่ต้องใช้ ใช้แต่ ตาใน แม่ชีทั้งสองเป็นคนบ้านโพนสวาง ใกล้บ้านหนองบัว ในเขตอำเภอสว่างแดนดิน หลวงปู่ได้ยินเรื่องราวแม่ชีทั้งสองก็สนใจ

พอดีออกพรรษา มีงานฉลองศพที่วัดนั้น หลวงปู่ได้รับนิมนต์ไปด้วย งานนั้น หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ และ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ก็ไปด้วย เมื่อทั้งสององค์ผลัดกันขึ้นเทศน์ แม่ชีไปฟังด้วย หลวงปู่จึงไปลองซักถามดู ถามว่า ท่านที่ขึ้นเทศน์นี้เป็นอย่างไร

แม่ชีก็บอกให้ฟัง

ท่านแปลกใจว่า แม่ชีทำอย่างไร รู้ได้อย่างไร

แม่ชีก็กราบเรียนวิธีการภาวนาของตนให้ท่านทราบโดยละเอียด ทำให้หลวงปู่ได้อุบายวิธีในทางปฏิบัติจากแม่ชีทั้งสองเป็นหนทางดำเนินในการปฏิบัติธรรมของท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณากายานุปัสสนาสติปัฏฐานแบบที่หลวงปู่เทศนาสอนในภายหลัง เรียกวิธีการ “ม้างกาย” นี่เอง

“ม้าง” เป็นภาษาอีสาน แปลว่า แยกออกเป็นส่วน ๆ หรือรื้อออก แยกออก เช่น ม้างบ้าน ก็คือ รื้อบ้าน แยกบ้าน ม้างกาย ก็คือ รื้อกาย แยกกายออกเป็นส่วน ทำให้มาก…ทำให้ยิ่ง…จนเป็นอุคคหนิมิต เป็นปฏิภาคนิมิต แล้วดำเนินวิปัสสนา ใช้ปัญญาพิจารณากายต่อไป ให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ ทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา

หลวงปู่เล่าว่า พอท่านได้ฟังอุบายวิธี ท่านก็แบกกลดกลับขึ้นเขาไปทันที ไม่ได้รอแม้แต่จะอยู่ต่อไปจนกระทั่งให้งานที่เขานิมนต์มานั้นเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน

ท่านบันทึกเล่าไว้ ขณะเมื่ออยู่จำพรรษาที่ถ้ำเจ้าผู้ข้า ในปี ๒๕๒๕ เป็นเวลาเกือบ ๕๐ ปีต่อมาในภายหลังเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า

“เอาเข้าป่า หัดม้างกายอย่างเต็มที่ จนร่างกายเกิดวิบัติ จนกระดูกคล้าย ๆ ออกจากกัน แม้เราเดินเสียงกรอบแกรบ แต่นานไปหาย มีกำลังทางจิต”

ท่านเล่าว่า การทำความเพียรช่วงนั้น ท่านปฏิบัติไปอย่าง ลืมมืดลืมแจ้ง ลืมวันลืมคืน เลยทีเดียว คิดว่า ผู้หญิงเขาทำได้ ทำไมเราจึงจะทำไม่ได้ จะแพ้ผู้หญิงเขาหรือไร ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดมุมานะ เจริญอิทธิบาท ๔ หัดม้างกายอย่างเต็มสติปัญญาความสามารถ

คล้ายกับกระดูกจะแยกออกจากกัน จะหลุดออกจากกันจริง ๆ เวลาเดินได้ยินเสียงกระดูกภายในกายลั่นดังกรอบแกรบตลอดเวลา บางโอกาสก็นึกสนุก ม้างต้นไม้…แยกออกเป็นส่วน ๆ จนต้นไม้แตก ลั่นดังเปรี๊ยะ…เปรี๊ยะทีเดียว ม้างก้อนหิน ภูเขา…..

ดูจะสนุกที่สุด “ม้าง” สิ่งใด สิ่งนั้นก็แทบจะแตกแยกละเอียดลงเป็นภัสม์ธุลี กำหนดใหม่ ให้กายนั้น สิ่งนั้น กลับรวมรูปขึ้นมาใหม่…กำหนดให้ ทำลายลงเป็นผุยผง รวมพึ่บลง ขยายให้ใหญ่ปานภูเขา ย่อให้เล็กลงเหลือแทบเท่าหัวไม้ขีด

สิ่งของ..! บุคคล…! ทำได้คล่องแคล่ว ว่องไว

มันช่างน่าสนุกจริง ๆ ท่านเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดผู้มาฝึกเรียน “ม้างกาย” ว่า เมื่อ “ม้างกาย” ได้ใหม่ ๆ ก็เกิดอาการ “ร้อนวิชา” ลองม้างกายคนที่พบเห็นพบใครก็ลอง “ม้างกาย” ดู…ผลพลอยได้ที่ทราบในภายหลังและท่านบันทึกไว้ คือหลังจากม้างกายบุคคลใดแล้ว ท่านจะรู้วาระจิตบุคคลนั้นด้วย….! คิดในใจอย่างไร เคยทำอะไรมา และจะทำอะไรต่อไป…..

จะมีของแถมเป็น ปรจิตวิชชา…อตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ…เหล่านี้ตามมา ด้วย....

หลวงปู่หลุย จันทสาโร

ม้างกาย” หรือแยกกายออกเป็นส่วนต่าง ๆ จึงเป็นแนวปฏิบัติประการหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากจะทำให้จิตสงบรวมเป็นหนึ่งแล้ว ยังทำให้เกิดความรู้ภายในมหัศจรรย์หลายอย่าง

ผู้ที่ปฏิบัติตามแนวนี้ควรทำดังนี้

1.ทำจิตให้สงบ ก่อนที่จะน้อมจิตเข้าผ่ากายตัวเอง ผู้ปฏิบัติควรทำจิตให้สงบนานหลายนาที จนรู้สึกว่าอารมณ์ต่าง ๆ ไม่เข้ามารบกวนจิตใจ แล้วน้อมจิตที่สงบนั้นเข้ามาที่กายตัวเอง เริ่มแยกกายออกเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ แต่หากจิตใจยังไม่สงบนิ่งพอ ไม่ควรน้อมเข้ามาแยกกาย จะเห็นไม่ชัดเจน เกิดความเหนื่อยอ่อน หมดกำลังเพราะกำลังจิตยังไม่แข็งพอที่จะนำเข้ามาผ่ากายได้

2.แยกกายตัวเอง น้อมจิตที่สงบนิ่งเข้าแยกกายตัวเอง เริ่มจากส่วนใดของกายก็ได้ เช่น ศรีษะ หน้าอก และส่วนอื่น ๆ เมื่อเลือกส่วนไหนแล้ว ให้กำหนดแยกกายส่วนนั้นจนกระทั่งเห็นด้วยสมาธิจิตว่ากายส่วนนั้นถูกแยกออกจริง เหมือนเห็นภาพบนจอทีวี และเล่นกับภาพนั้นได้ เช่น ย่อได้ ขยายได้ ทำลายให้เหลือแต่ความว่างได้

การแยกกายแต่ละครั้ง สติและปัญญาจะเข้าไปชำระล้างความโลภ ความโกรธ และความหลงที่ซ่อนอยู่ภายในอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายไปจนถึงเซลล์ เมื่อกิเลสเหล่านี้ถูกชำระออกไปจนหมด กายก็จะบริสุทธิ์ แล้วจิตก็จะบริสุทธิ์ตามไปด้วย

3.แยกกายคนอื่นและสิ่งอื่น น้อมจิตที่สงบไปแยกกายคนอื่นและสิ่งอื่น เมื่อแยกกายตัวเองจนชำนาญแล้ว ควรน้อมจิตไปแยกกายคนอื่นหรือสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เช่น ต้นไม้ หิน หรือสัตว์เลี้ยง จนมีความชำนาญเหมือนกับการแยกกายตัวเอง จิตจึงจะสงบได้ละเอียด

ข้อระวังในการแยกกายคือ ก่อนถอนจิตออกจากสมาธิทุกครั้ง ควรกำหนดจิตให้อวัยวะต่าง ๆ ที่ถูกแยกออกไปกลับเข้าที่เดิม เหมือนถอดชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ออกแล้ว ควรนำกลับเข้าที่เดิม หากไม่ทำอย่างนี้ ผู้ปฏิบัติอาจจะเจ็บป่วยได้

“ม้างกาย” จึงเป็นวิธีปฏิบัติอีกแนวที่ทำให้จิตสงบนิ่งแน่วแน่ เกิดความรู้มหัศจรรย์ภายในอย่างไม่จำกัด