ท่านว่ายทวนน้ำ คำสอนในเรื่องของการ “สาวหาเหตุ”
โดยท่านเคยสอนลูกศิษย์อยู่บ่อย ๆ ว่า หากบุคคลใดต้องการมีสติอยู่ตลอดเวลาให้พิจารณาหาทุกข์หาโทษของสิ่งต่าง ๆ ให้มากที่สุด
และ
ให้หมั่นถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ ก่อนที่เราจะทำอะไร หรือจะพูดอะไรว่า นี่เราจะทำสิ่งนี้เพื่ออะไร? นี่เราจะพูดคำนี้เพื่ออะไร? เช่น เวลาเรากินก๋วยเตี๋ยว พอเราจะหยิบพริก หยิบน้ำปลา หยิบน้ำตาล มาปรุงรส ก่อนที่เราจะทำอย่างนั้นให้เราถามตัวเองก่อนว่า เอ๊ะ นี่เราจะใส่น้ำปลาทำไม? จะใส่น้ำตาลทำไม? จะใส่พริกทำไม?
พอสาวหาเหตุแล้วเราจะพบว่า อ๋อ
เพราะเราติดรสชาติ เราอยากให้มันอร่อย เราอยากให้มันมีรสตามที่เราชอบ เราจะเห็นเหตุแห่งทุกข์ (ความวุ่นวายของจิต) คือความอยากในเรื่องนี้แล้วว่าเพราะเราติดรสชาติมันจึงเกิดการกระทำเช่นนี้ขึ้นมา ให้นำเทคนิคการถามตัวเองนี้ไปปรับใช้กับการกระทำอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันด้วย
ในเรื่องของคำพูดก็เช่นกัน ก่อนที่เราจะพูดอะไรให้เราถามตัวเองก่อนว่า เราจะไปพูดอย่างนี้เพื่ออะไร? พูดแล้วได้อะไร?
พอถามตัวเองก่อนที่จะทำหรือจะพูดแล้วก็ให้ใคร่ครวญพิจารณาดูว่า เราควรจะทำจะพูดไหม? หรือเราควรจะละมัน?
การหมั่นถามตัวเองบ่อย ๆ ก่อนที่จะทำจะพูดนี้
จะเป็นการฝึกนิสัยสร้างเคยชินใหม่ให้แก่เราไว้คอยเป็นตัวเบรคการกระทำหรือคำพูดของเราที่จะเป็นการสร้างกรรม และเบรคความฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้น ถ้าฝึกจนชำนาญมันจะถามตัวเองขึ้นมาโดยอัตโนมัติเลยในวันหลัง เราจะเห็นความคิดเกิดดับ ๆ ทั้งวันทั้งคืน ๆ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดสำคัญของการภาวนา ถ้าไม่เห็นความคิดตัวเองจะภาวนาไม่ได้ เพราะมันจะไหลไปตามความคิดตลอด
ท่านบอกว่า อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเผลอทำหรือเผลอพูดไปแล้ว ก็ให้เรากลับมาคิดพิจารณาใคร่ครวญในภายหลังได้ว่า สิ่งที่เราทำไปแล้ว เราทำไปเพื่ออะไร? เราทำไปแล้วเราได้อะไร? ที่เราพูดอย่างนั้นไปเพื่ออะไร? ที่เราพูดไปแล้วมันได้อะไร? แล้วต่อไปทำจะทำอย่างนั้นอีกไหม? เราจะพูดอย่างนั้นอีกไหม? หาทุกข์หาโทษของการกระทำหรือคำพูดของเราที่ทำไปแล้ว ถ้าไม่ควรวันหลังก็อย่าทำอีก
หมั่นถามตัวเองและสอนตัวเองอย่างนี้บ่อย ๆ แล้ววันหนึ่งจะได้ดี