ตอนที่ 2 ต่อเนื่องอย่างเป็นลูกโซ่
#ความต่อเนื่องอย่างเป็นลูกโซ่สำคัญมาก
สภาวะที่มีอุปการะคุณมากกับการที่เราจะสามารถมีสติตามรักษาจิตต่อเนื่องอย่างเป็นลูกโซ่คือ #สภาพที่มีทุกข์นิดหน่อย ไม่ใช่สุขสบาย ชีวิตที่สุขสบายเป็นโทษมาก เป็นเหตุแห่งความหลง ความเพ้อเจ้อ เพ้อฝัน ความอยากทุกอย่าง ชีวิตที่ทุกข์นิดหน่อย ทุกข์อยู่เนืองๆ เป็นชีวิตที่ดีกว่าสำหรับนักปฏิบัติธรรม
อะไรเป็นทุกข์อยู่เนืองๆ ? ร่างกายนี้…ร่างกายนี้เป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา แต่เราไม่เคยเห็น นั่งนานก็ต้องลุก ยืนนานก็ต้องนั่ง ทั้งนั่งทั้งยืนไปมา ไม่ไหวแล้วก็ต้องนอน เป็นทุกข์ตลอดเวลา แต่มันเป็นทุกข์น้อยๆ แล้วเราก็หนีมันได้ด้วยการเปลี่ยนอิริยาบถ ถ้าเราลองเปลี่ยนอิริยาบถไม่ได้ เราเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียง เราจะไม่ทุกข์ได้มั้ย ขยับไม่ได้เราจะไม่ทุกข์ได้มั้ย ถ้ายังทุกข์อยู่แปลว่าการปฏิบัติของเรายังไม่พอ
เนี่ย! การเห็นร่างกายจิตใจนี้ว่ามันเป็นทุกข์ มันเป็น #อนุสติเตือนเรา เตือนให้เราไม่ประมาท พระพุทธเจ้าก็สอนเรื่องสติเยอะ เช่น มรณานุสติ สังฆานุสติ นึกถึงพระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ก็เตือนเรา เพราะฉะนั้น อะไรที่เป็นสัจธรรมเรียนรู้มาแล้วเนี่ย ใช้เตือนตัวเอง จะคิดจะนึกจะทำอะไร มีอะไรเตือนตัวเองหน่อย เลือกเอาซักอย่างนึง ไม่มีใครเตือนเราได้ตลอดเวลา #ตัวเองต้องเตือนตัวเอง
อิริยาบถย่อยต่างๆ…รู้สึก กลืนน้ำลาย…รู้สึก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลง…รู้สึกได้ วนเวียนอยู่ในกายนี้แหละ แค่รู้สึกโดยไม่เข้าไปจับอะไรไว้ รู้สึกแล้วก็ผ่านไป #ลูกโซ่นี้กำลังต่อเนื่องๆไป_มันหาทุกข์ไม่ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ลูกโซ่นี้มันหายไป เพราะมันไม่รู้สึกตัวแล้ว มันอยู่ในโลกความคิดแล้ว พออยู่ในโลกความคิด มันก็เกิดความทุกข์ เกิดความกังวล เกิดความดิ้นรน เกิดความอยาก เกิดความไม่อยาก ขับดันขึ้นมาทางใจ เนี่ย! เห็นให้มันชัด สภาพทุกข์กับสภาพไม่ทุกข์มันต่างกัน ทำไมถึงชอบเอาสภาพทุกข์กัน
#รู้สึกแล้วก็ผ่านไป ถ้าเราเข้าไปจับอะไรไว้ มันก็จะเกิดความอยากความไม่อยากเกิดขึ้น ความอยากความไม่อยากจริงๆ ทางปรมัตถ์มันก็หน้าตาเดียวกันนั่นแหละ มันเป็นอาการอย่างนึง อาการอยู่เฉยไม่ได้ อาการถูกบีบคั้น ถ้าเราชอบเราก็อยาก เราไม่ชอบเราก็ไม่อยาก อยากไม่อยากเป็นแค่ชื่อ แต่จริงๆ มันก็เป็นอาการถูกบีบคั้นทั้งคู่เหมือนกัน #แค่บีบไปทางไหนแค่นั้นเอง #เห็นแบบนี้ ไม่ใช่เข้าไปเป็นกับอาการเหล่านั้น
จะเห็นแบบนี้ต้องทำยังไง? ก็คือสร้างเหตุ #แค่รู้สึกให้มันต่อเนื่อง นี่แหละ เดี๋ยวมันจะเห็นได้ บางคนเกิดความอยาก พอใจไม่พอใจเกิดขึ้น เค้าบอกว่าเห็นแล้ว แต่อยากไม่อยาก พอใจไม่พอใจ ก็ยังอยู่เหมือนเดิม คือเห็นมันเหมือนกับชักกะเย่อ ไปทางไหนแน่ จะเห็นหรือจะเอา จะเห็นหรือจะเอา…แบบนี้ทำยังไง? แบบนี้ต้องรู้แล้วว่าไม่ได้เห็น #กำลังมันไม่พอ
#กลับมาที่เดิม_แค่รู้สึก ไม่ต้องไปพยายามเห็นแล้ว เพราะมันเห็นเฉยๆ ไม่ได้ มันเห็นแล้วมันไม่จบ เป็นแบบนั้นก็แปลว่ากำลังมันไม่พอแล้ว กลับมาทำอะไร? สร้างเหตุ…แค่รู้สึก ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว
มีคนนึงมาเล่าว่าไปปฏิบัติ 20 วัน กลับบ้านปุ๊บโมโหเหมือนเดิม คนที่บ้านถามว่าปฏิบัติธรรมมาทำไมเป็นแบบนี้ ว่าเราอย่างโน้นอย่างนี้ เพราะเค้าไม่เข้าใจ เค้าไม่เคยปฏิบัติธรรม เค้าไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลา #ใช้ทั้งชีวิตเพื่อที่จะหมดกิเลส ไม่ใช่ 20 วัน เพราะฉะนั้น ไม่ต้องสนใจ คนในโลกก็เป็นแบบนี้แหละ จะคิดอะไรก็ได้ จะเข้าใจอะไรที่ตัวเองอยากจะเข้าใจก็ได้ อยากจะด่าจะว่าเรายังไงก็ได้
คิดถึงพระพุทธเจ้าเอาไว้ พระพุทธเจ้าดีขนาดนั้นยังไม่พ้นคนนินทาเลย ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจพระพุทธเจ้า…โดนด่าเหมือนกัน พระอัครสาวกอยู่กับพระพุทธเจ้า มีวาสนาในทางไม่ค่อยเรียบร้อย กิริยามารยาทไม่ค่อยเรียบร้อย พระอยู่ใกล้ๆ ไปฟ้องพระพุทธเจ้าว่า ท่านเป็นคนหยาบอะไรซักอย่างนี่แหละ คนเรามันเอาตามองคิดเพ้อเจ้อไปเรื่อย คิดอะไรก็ได้ อยากจะว่าเค้าด่าเค้าก็ได้ ใช้ตามองใช้สมองคิดมันไม่เห็นข้างใน เพราะฉะนั้น เราไม่ต้องสนใจคนพวกนั้น ไม่มีประโยชน์…เรามีหน้าที่ฝึกตัวเองต่อไป
ไม่ต้องเอาคำพูดโน้นพูดนี้มากังวล เอามาคิด…เสียเวลา ความคิดพาเราไปไหนไม่ได้ มีแต่จะพาให้เราหลงทางมากขึ้น คิดไม่ดี จิตใจก็เป็นอกุศล ส่วนใหญ่เรื่องที่เรากังวลก็เรื่องไม่ดีทั้งนั้นแหละ จิตใจก็มีแต่อกุศล เพราะฉะนั้น จะไปคิดมันทำไม ไม่ต้องคิด ทำหน้าที่ของตัวเอง #เราทำหน้าที่ให้ดีจนวันนึงสรรเสริญหรือนินทาก็ทำอะไรเราไม่ได้ทั้งนั้น
คนสรรเสริญก็เรื่องของเค้า คนนินทาก็เรื่องของเค้า คืนเค้าไปให้หมด มันอยู่ที่ปากเค้าอยู่ที่ใจเค้า มันถึงพูดออกมาได้ ไม่ต้องรับ คืนไปที่คนพูดนั่นแหละ พระพุทธเจ้าก็สอนแบบนี้ มันมาจากไหนก็กลับคืนไปที่เดิม ไม่ต้องไปรับ ความสกปรกมันอยู่ที่แหล่งที่มา ไม่ต้องหยิบมาป้ายตัวเรา
สมัยหลวงพ่อเทียนอยู่วัดสนามใน ญาติโยมมาปฏิบัติธรรม ท่านให้พลิกมือสร้างจังหวะทุกอิริยาบถยกเว้นกินข้าว อาบน้ำ ทำกิจธุระส่วนตัว นอกนั้นท่านให้พลิกมือตลอด นี่คืออุบายสำคัญมากที่จะทำให้ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่
ครูบาอาจารย์รุ่นถัดมาที่รู้จักก็คือ หลวงพ่อมหาดิเรก ก็อยู่ในรูปแบบนี้เหมือนกันเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องทั้งวัน พวกเราต้องใช้โครงสร้างการปฏิบัติแบบนี้ในชีวิตของเราด้วย แม่ชีทุกคนต้องใช้โอกาสนี้ เป็นประโยชน์มากที่จะให้มันต่อเนื่อง ไม่ใช่เลิกปฏิบัติในรูปแบบแล้วไปนั่งคุยกัน หาเรื่องคุยกัน #ใช้โอกาสที่มีน้อยนักให้เป็นประโยชน์กับตัวเองที่สุด
Camouflage