ผู้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาชัด
กับผู้เปิดประตูพระนิพพานก็มีความหมายอันเดียวกัน
ผู้เห็นพร้อมกับลมเข้าลมออกก็ยิ่งดี พร้อมกับอิริยาบถ
ที่เคลื่อนไหวไปมา พร้อมทั้งขณะจิตที่นึกคิดอีกด้วย
เดี๋ยวก็นึกอันนั้น เดี๋ยวก็นึกอันนี้ ก็คืออนิจจังอันละเอียดนั่นเอง
ไม่ใช่อันอื่นเลย พูดแต่ละคำ แต่ละคำ เดี๋ยวนี้
ก็คืออนิจจังในส่วนละเอียดนั่นเอง ผู้เทศน์ก็เอาอนิจจังเทศน์
ผู้ฟังก็เอาอนิจจังฟัง
เมื่อรู้อย่างนั้นแล้ว ก็เลยกลายเป็นศีล สมาธิ ปัญญา
กลายเป็นธรรมะไป ผู้เทศน์ก็เอาใจเทศน์ เอาอนิจจัง
อันละเอียดเทศน์ ผู้ฟังก็เอาอนิจจังอันละเอียดฟัง
เพราะคำพูดคำเทศน์แต่ละบท
แต่ละบาทก็ดับไปเป็นตอนๆ ที่เกิดขึ้นเป็นตอนๆ
ติดต่อกันถี่ยิบ จะเทศน์ตลอดรุ่งก็มีแต่อนิจจังเท่านั้น
ทุกขัง อนัตตาเท่านั้น เพราะเกิดขึ้นแล้ว แปรปรวนดับไป
ในคำพูดแต่ละคำ แต่ละคำ และฟังแต่ละบทแต่ละบาท
ก็เหมือนกัน เหมือนพยับแดด มันจะแดดวันยังค่ำ
พยับแดดก็ ผับๆๆๆๆ อยู่อย่างนั้น จะเกิดดับแปรปรวนอยู่อย่างนั้น
สัญญาความจำของพวกเรายิ่งดับเร็วกว่าพยับแดดอีกด้วย
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต