Recent Posts

อยู่ด้วยสติรู้ตัว


การฝึกให้มีสติสัมปชัญญะ
ตื่นตัวตั้งมั่นขึ้นมา เห็นกายเห็นจิต
ตามภาวะที่เป็นอยู่จริงนั่นเอง

กายก็คือรูป ให้เห็นความเป็นไป
ที่มันเคลื่อนไหวมีความตื่นตัวทั่วพร้อมขึ้นมา
ไม่ว่ากายจะดำรงอยู่ในภาวะอาการอย่างไร
ใจเราก็เห็นอยู่รู้ตัวอยู่อย่างเด่นชัด 
ส่วนเวทนา จิต ธรรม ก็คือ ความคิดนั่นเอง 
ให้เราเห็นกันที่ต้นตอ เห็นกันที่เหตุของมัน 
ก็ที่จิตที่ความคิดที่เป็นไป

ดังนั้นหลักปฏิบัติจริงๆ จึงเน้นให้เรา
มาเริ่มต้นที่กาย เอากายเป็นนิมิตหมาย
ในการหัดกำหนดความรู้สึกตัว 
เอาอิริยาบถ เอาการงานเป็นที่ตั้ง
แห่งการฝึกหัดทำความรู้สึกตัว 
เป็นการฝึกหัดข้างต้น
เรียกว่า การบำเพ็ญเพียรทางกาย 

จุดประสงค์หลักเพื่อให้เรามีประสบการณ์
ในการเป็นอยู่ ด้วยสติสัมปชัญญะ 
รู้จักตั้งสติ ในชีวิตประจำวัน

ปลุกความรู้เนื้อรู้ตัว จากที่เคยเลื่อนลอย
เคยหลงใหล ไปตามความคิด 
ความอยากต่างๆ กลับมาเป็นผู้มีสติตื่นตัว
อยู่เป็นประจำ จะทำการงานอะไรก็ให้รู้จัก
ใช้สติ กำหนดสติขึ้นมา

ในขั้นแรกนี้ก็ต้องใช้ความพยายามมากหน่อย 
เพราะเป็นความพยายามที่สวนทาง
กับความคิดความเคยชินเก่าๆ
ชอบใช้ชีวิตไปตามอารมณ์ 
ท่านจึงแนะนำให้เราหัดตั้งสติกันก่อน

ไม่ว่าเราจะเผลอตัวไปอย่างไร 
เมื่อได้สติก็ให้ ทำความรู้ตัวที่กาย 
ที่อิริยาบถการเคลื่อนไหวต่างๆของเรา 
ให้มีหลักมีแนวอยู่อย่างนี้ 
ไม่ปล่อยตนเองไปตามความคิด
ตามอารมณ์ที่แทรกซ้อนขึ้นมา

จะเบื่อหน่ายลังเลคิดไปคิดมาอย่างไร
ก็ให้รู้จักวางอารมณ์นั้นๆ 
กลับมาทำหน้าที่หลัก คือ 
การเป็นผู้อยู่ด้วยสติรู้ตัว 
หัดให้เป็นผู้รู้จักวางความคิด 
วางอารมณ์นั้นๆ กลับมาทำหน้าที่หลัก 
คือ การเป็นอยู่ด้วยสติรู้ตัว

หัดให้เป็นผู้รู้จัก วางความคิด 
วางอารมณ์ที่เคยชินที่เราเคยคิดจดจ่อ 
มาเป็นผู้รู้จักใช้สติครองความรู้สึกตัวอยู่เป็นประจำ 
การฝึกหัดก็ทำไปสบายๆ ไม่ต้องคาดหวังความรู้ 
คาดหวังภาวะอาการอะไรทั้งสิ้น 
ผลแห่งการฝึกหัดบำเพ็ญเพียรทางกายนี้ 
จะทำให้เราเป็นผู้มีความชำนาญ
ในการรู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง รู้จักตั้งสติ 
รู้จักวางความคิด วางอารมณ์
ที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในจิตใจของเรา

ขณะที่เรารู้จักปลุกสติสัมปชัญญะ
ตื่นตัวตั้งมั่นขึ้นมาได้แล้ว 
เราจะเริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น 
จากเดิมที่เป็นคนคุกรุ่นอยู่ในอารมณ์หนึ่ง
อ่อนไหวเกินไป แข็งกร้าวเกินไป 
อะไรต่างๆ ..  เราจะเริ่มสุขุมขึ้น 
จิตเราจะเริ่มละเอียดอ่อน เห็นภาวะ
เห็นความเป็นจริงต่างๆ ตามที่เป็นอยู่ 
เห็นกาย เห็นจิต เห็นอารมณ์ความคิด
ของตนเอง อย่างรู้เท่าทันจริงๆ 
อ้อ.. เราคิดอย่างนี้ เชื่ออย่างนี้ 
มีจิตหรือเจตนาอย่างนี้เหรอ 
โอ.. เราโกรธถึงขนาดนี้ หรือเราหลงไป
ขนาดนี้เชียวเหรอ

เราจะเห็นภาวะอารมณ์ความคิด
ความเชื่อของตนเองอย่างยุติธรรมจริงๆ
เป็นการเห็นอย่างตรงไปตรงมา 
อาศัยภาวะตื่นตัวของจิต 
การบำเพ็ญเพียรของเรา จะเปลี่ยนระดับ
จากขั้นกำหนดรูปกายมาเป็น
การบำเพ็ญเพียรทางจิต

การเห็นภาวะอาการต่างๆ เห็นจิตในจิต 
เห็นกระแสความคิด ความเชื่อ 
ความทะยานอยาก ตามความเคยชินของ
ตนเอง อย่างตรงไปตรงมา 
จะทำให้เราเกิดปัญญาญาณ รู้จักตนเอง
รู้จักปลด รู้จักวางทิฎฐิมานะ 
ที่เรา คิด ติด ยึด ต่างๆนานา 
อย่างที่เราไม่เคยนึกไม่เคยเห็นมันมาก่อน
วางไปละไป อาศัยปัญญาญาณ
จากการเห็นภาวะเห็นจิตในจิตของตนเอง
จะทำให้เราปลดเปลื้องตนเอง
จากอารมณ์ จากนิสัยเดิมๆมากขึ้น 

ชีวิตเราจะเป็นอิสระตื่นตัวขึ้น ตื่นตัวขึ้น 
เป็นชีวิตประจำวันที่มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
โต้ตอบ อยู่กับงานกับการต่างๆ
มากขึ้นเป็นลำดับ

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ