" เมื่ออวิชชาคลุมจิตไว้...
จะเป็นปัจจัยให้เกิดสังขารการปรุงแต่ง
มี 3 ลักษณะ
จิตสังขาร
ปรุงโดยความเป็นตัวเป็นตน ว่า จิต คือ เรา
ปรุง ก.ไก่ สระ อู ขึ้นมา
" กูคิด!! "
วจีสังขาร
ก็มี ก.ไก่ สระ อู แปะตามมาด้วย
" กูพูด!! "
พอกายสังขาร มีพฤติกรรมการกระทำ ก็มี ก.ไก่ สระ อู ตามมาอีก ..
" กูทำ!! "
เมื่อใดที่ อวิชชาคลุมจิต
" กู " จะเกิดขึ้นทันที!!!
ตัณหา เป็นอุปาทาน เป็นภพ เป็นชาติ ติดไปตลอด
ไปจบที่โศกะ ปริเทวะ ทุกขโทมนัส อุปายาสะ
ความเศร้าโศก ความคร่ำครวญ พิรี้พิไรรำพัน ความคับแค้นใจ ความแห้งใจ เหี่ยวใจ!
สิ่งเหล่านี้จัดเป็น อาสวะ ..
และ อาสวะนี่แหละ ก็จะเป็นอาหารหล่อเลี้ยงอวิชชาอีกครั้งหนึ่ง!
คำว่า " ตัวกู " จึงเป็นภาวะที่ต้องดู
ดูว่า กู จะขยับเมื่อไหร่
กู เกิดเมื่อไหร่
มีคนด่ามา กู เกิดมั้ย ??
มีคนชม กู ลอยๆ ฟูๆ อิ่มใจ ??
ดูตัวนี้บ่อยๆ .. มันคือ สักกายทิฐิ!!!
เห็นไว้ รู้จักไว้
พอจิตเห็น ก็จะรู้จัก
พอรู้จัก จิต เค้าจะจดจำสภาวะไว้ได้อย่างแม่นยำ
ครั้งต่อไป ..
เมื่อ " กู " จะขยับอีก
มรรค ชำระ เปรี้ยง!!!
~ ขาดจากสักกายทิฐิ ~
แต่ถ้าไม่เคยรู้จักภาวะของ " กู "
แล้ว มรรค จะไปชำระอะไร ?
มรรคเบื้องต้นคือ โสดาปัตติมรรค
ชำระสักกายทิฐิ
ถ้าไม่เคยเห็นสักกายทิฐิ
แล้วมรรคจะไปชำระได้อย่างไร ?
มัวแต่ดูเบื่อ ดูโกรธ
นั่นเป็นการเจริญสติปัฏฐานเบื้องต้นเฉยๆ
ไม่เกี่ยวกับการชำระสักกายทิฐินะ ..
จะบอกให้ !!! "
พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ