ถ้าคนปฏิบัติธรรมเป็น เจริญกรรมฐานเป็น เคยฝึกรู้กายรู้ใจ
รู้ปวด รู้ใจ เห็นปวดอย่างหนึ่ง เห็นใจอย่างหนึ่ง
กายอย่างหนึ่ง ปวดอย่างหนึ่ง
ฝึกไปจนกระทั่งปวดก็ปวด แต่ใจเราเฉยได้
มันมีสิทธิฝึกอย่างนี้ได้
ฝึกไป ปวดก็ปวดแต่ใจมันเฉยๆ
มันแยกสภาวะ แยกกายกับใจ แยกเวทนากับจิต
#คนที่ฝึกได้อย่างนี้เวลาไปป่วยจริง
#เขาจะรักษาจิตตัวเองไม่ทุกข์ได้
กายปวดแต่ใจไม่ทุกข์ ไม่กระวนกระวาย
นี่ผลดีของคนปฏิบัติธรรม
แล้วถึงเวลาจะตายนี่โยม
คนที่ปฏิบัติธรรมกับคนไม่ปฏิบัติธรรม
ตอนจะตายนี่ใครจะเสี่ยง ไปไหนดี?
คนไม่ปฏิบัติธรรมเวลาใกล้จะตาย
จะเศร้าหมอง จะห่วง
จะวิตกกังวลไหนจะปวดเจ็บ
พอรู้ว่าจะตาย เกิดห่วง จิตจะเศร้าหมองหมดเลย
ห่วงทรัพย์ ห่วงลูกห่วงหลาน
กลัวตาย กลัวจากไป จิตจะเศร้าหมอง
#แล้วตายด้วยจิตที่เศร้าหมองนี่โยมว่ามันจะไปไหน
#จะไปสวรรค์หรือจะไปอบายภูมิ?
“ จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา ”
เมื่อจิตเศร้าหมอง ทุคติย่อมเป็นที่หวัง
ไปแน่อบายภูมิ
นี่โทษของการไม่ปฏิบัติธรรม
แล้วชีวิตเราจะต้องตายไหม
ทุกคนรู้อยู่ว่าจะต้องตาย
ฉากแห่งความตายต้องมาถึงเรา
ถ้าเราไม่ฝึกไว้ ตอนนั้นใครจะมาช่วยเราได้
ถึงเวลาตอนนั้นมันไม่มีใครช่วยเราได้จริงๆ
#ตนแลต้องเป็นที่พึ่งของตน
#คือหมอก็ช่วยได้ทางร่างกาย
#แต่จิตที่จะไม่ทุกข์นี้มันไม่มีใครช่วยเราได้
ต้องตนแลช่วยตนเอง
แล้วเรามีตนเป็นที่พึ่งของตนหรือยัง?
เราฝึกตนมีธรรมหรือยัง?
พระพุทธเจ้าจึงเตือนก่อนปรินิพพาน
“ ภิกษุทั้งหลาย #เธอจงมีตนเป็นเกราะเป็นที่พึ่ง
#อย่าหวังอย่างอื่นเป็นที่พึ่ง
#จงมีธรรมเป็นเกราะเป็นที่พึ่ง ”
เพราะฉะนั้นก็คือต้องมีสติปัฏฐาน
เจริญสติปัฏฐานเป็นต้น นี่เรียกว่าปฏิบัติธรรมแล้ว
การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องที่ดี เตรียมตัว
ถ้าคนเจริญกรรมฐานเป็น
#หัดฝึกตายเสียก่อนตายบ้างก็ได้ เคยไหม
ถ้าเราไม่ฝึกไว้ ไม่เตรียมไว้
เวลาเราเจอแล้วเราจะทำอะไรไม่เป็น
ทั้งตัวเรา ทั้งคนอื่นที่เราเกี่ยวข้อง
จะต้องพลัดพรากจากกันไหมโยม?
มีสิ่งใดแล้วที่มีแล้วไม่จาก ไม่พลัดพราก มีไหม?
มีอะไรบ้างที่ไม่เปลี่ยนแปลง?
ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคล
ไม่ว่าจะเป็นสมบัติทรัพย์สินเงินทอง
แม้แต่ชีวิตของตัวเองต้องพลัดพรากหมดเลย
ที่เราพูดตรงนี้ไม่ใช่พูดให้โยมเศร้า ไม่ใช่อย่างนั้น
#พระพุทธเจ้าสอนให้ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ
#ถ้าเราพิจารณาแล้วให้จิตสัมผัสให้มากจนมันยอมรับ
โยมจะไม่กลัว ไม่กลัวความตาย
แล้วให้ฝึกซ้อมไว้เสมอ
หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี