คำว่า “สุญญตาวิหาร” ก็แปลว่า การเข้าอยู่ในสุญญตา.
สุญญตา แปลว่า ภาวะของจิตที่ว่างจากกิเลส;
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ว่างจากความรู้สึกว่า…
เป็นตัวเป็นตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นเรา เป็นเขา,
ภาวะที่ไม่มีความรู้สึกว่า เป็นตัวตน
หรือของตนนั้น เรียกว่า... สุญญตา.
ถ้าจิตเข้าไปอยู่ในภาวะอย่างนั้น
เรียกว่าอยู่ในสุญญตาวิหาร.
แต่มีคำอธิบายที่ละเอียดพิสดาร
มากไปกว่าที่จะพูด สั้นๆ ลุ่นๆ ว่า…
ปราศจาก ราคะ โทสะ โมหะ;
เพราะเหตุว่า…
ท่านเพ่งเล็งถึงความหมายของคำว่า “ว่าง” เป็นหลักใหญ่.
เราควรจะเข้าใจคำว่า “ว่าง” กันเสียให้สมควรก่อน.
คำว่า “ว่าง" นี้ ถ้าทางวัตถุก็คือว่างชนิดไม่มีอะไร;
ว่างทางจิตใจ ก็หมายความว่า อะไร ๆ ก็มีอยู่ตามเดิม
แต่ว่างจากสาระที่ควรจะเข้าไปยึดมั่นสำคัญมั่นหมายว่า…
เป็นตัวเราหรือเป็นของเรา;
คำว่า “ว่าง” ในทางธรรมเป็นอย่างนี้.
คำว่า “ว่าง” ในทางโลกหมายความว่าไม่มีอะไรเลย.
แม้คำว่า จิตว่างในทางธรรม ก็มิได้หมายความว่า…
จิตไม่ได้คิดได้นึกอะไรเลย; จิตยังรู้สึกอยู่ตามเดิมทุกประการ,
เพียงแต่ว่า จิตไม่มีความรู้สึกว่าเป็นตัวตน หรือของตน เท่านั้น.
มันมีความรู้สึกนึกในหน้าที่การงาน
หรือในวิชาความรู้ในสิ่งต่าง ๆ ได้;
ว่างอย่างเดียวแต่ความรู้สึกที่เป็นตัวเป็นตนเท่านั้น.
เกี่ยวกับคำว่า “สุญญตวิหาร” นี้
เราควรจะเข้าใจคำว่า “ว่าง” กันให้ชัดเจนเสียก่อน ไปตามลำดับ.
พระผู้มีพระภาคเจ้าท่านตรัสว่า :
ดูก่อนอานนท์, ในกาลก่อนก็ดี ในกาลบัดนี้ก็ดี
ตถาคตอยู่มากด้วยสุญญตาวิหาร.
นี้เป็นประโยคแรกที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสในสูตรนี้ ว่า…
เดี๋ยวนี้ก็ดี ที่แล้ว ๆ มาก็ดี
ตถาคตใช้เวลาส่วนมาก
ให้ล่วงไปด้วยสุญญตาวิหาร;
หมายความว่า…
อยู่ด้วยความรู้สึกของจิตที่มิได้กำหนดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
โดยความเป็นตัวตน,หรืออยู่ด้วยมีความหมาย
อันประกอบไปด้วยคุณค่า อย่างใดอย่างหนึ่ง.
พุทธทาสภิกขุ