" การรู้โดย ไม่คิดเอง
คือ การเดินวิปัสสนาที่ละเอียดที่สุด
ตราบใดที่ยังเห็นว่า...
จิต คือตัวเรา เป็นของ ๆ เรา
ที่ต้องช่วยให้จิตหลุดพ้น
ตราบนั้นตัณหา หรือ สมุทัยก็จะสร้างภพ
ของจิตว่างขึ้นมา ร่ำไป
ขอย้ำว่า ขั้นนี้
จิตจะดำเนินวิปัสสนาเอง
ไม่ใช่ ผู้ปฏิบัติจงใจกระทำ
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า
ไม่มีใครเลย ที่จงใจ
หรือ ตั้งใจบรรลุมรรคผลนิพพานได้
มีแต่จิต เค้าปฏิบัติตนเอง ไปเท่านั้น
เมื่อ...จิตทรงตัว
รู้ แต่ไม่คิดอะไรนั้น
บางครั้ง จะมีบางสิ่งผุดขึ้นมา
สู่ ภูมิรู้ของจิต
แต่จิต ไม่สำคัญมั่นหมายว่ามันคือ อะไร
เพียงแค่รู้ เฉย ๆ
ถึงความเกิด-ดับนั้น เท่านั้น
ในขั้นนี้
เป็นการเดินวิปัสสนา ขั้นละเอียด ที่สุด
ถึงจุดหนึ่ง จิตจะก้าวกระโดดต่อไปเอง
การเข้าสู่มรรคผลนั้น
รู้ มีตลอด
แต่ ไม่คิด และ ไม่สำคัญมั่นหมาย
ในสังขารละเอียด ที่ผุดขึ้นมานั้น
เมื่อ จิตถอยออกจากอริยะมรรค
และ อริยะผลที่เกิดขึ้นแล้ว
ผู้ปฏิบัติจะรู้ชัดว่า ธรรมเป็นอย่างนี้
"สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นต้องดับไป"
ธรรมชาติบางอย่าง มีอยู่
แต่ก็ไม่มีความเป็นตัวตน สักอณูเดียว
นี้เป็นการรู้ธรรมในขั้นพระโสดาบัน
คือ ไม่เห็นว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
แม้แต่ตัวจิตเอง
เป็นตัวเรา
แต่ความยึดถือ ในความเป็นเรา
ยังมีอยู่
เพราะ...ขั้นความเห็น กับ ความยึดนั้น
มันคนละขั้นกัน."
หลวงปูดุลย์ อตุโล