ถาม : ธาตุรู้คืออะไรครับ
พระอาจารย์ : ธาตุรู้ก็คือใจไง เราใช้คำว่าธาตุ คือท่านแสดงคำว่าธาตุที่มีอยู่ในโลกนี้มีอยู่ ๖ ธาตุ ด้วยกัน คือธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วก็อากาศธาตุ คือความว่างและธาตุรู้ก็คือใจ ธาตุรู้ก็จะมารวมกับธาตุ ๔ ทำให้เป็นสัตว์เป็นบุคคลขึ้นมาเป็นมนุษย์เป็นสัตว์เดรัจฉานขึ้นมา แล้วเดี๋ยวพอถึงเวลามันก็แยก กลับคืนสู่สภาพเดิม เวลาคนตายไป สัตว์ตายไปนี้ก็คือการแยกธาตุนี่เอง ธาตุที่มารวมกันก็แยกทางกันไป ธาตุน้ำก็สู่ธาตุน้ำ ธาตุดินก็กลับคืนสู่ธาตุดิน เห็นร่างกายเวลาตายไปนี้ ถ้าเราไม่ได้ไปเผาไปปล่อยมันไว้เฉยๆ เดี๋ยวธาตุน้ำมันก็ไหลออกมา ธาตุลมมันก็ระเหยออกมา ความร้อนมันก็หายไป เดี๋ยวทิ้งไปนานๆ มันก็จะเหลือแต่ธาตุดิน นี่คือเรื่องของธาตุทั้งหมด ๖ ธาตุด้วยกัน เป็นเหมือนส่วนประกอบของจักรวาลนี้ก็ได้ ของทุกอย่างในจักรวาลนี้เกิดจากการรวมของธาตุทั้ง ๖ นี้ ถ้าเป็นธาตุ ๔ก็จะเป็นพวกต้นไม้ ภูเขา น้ำทะเลอะไรอย่างนี้ มีแต่ธาตุ ๔ ไม่มีธาตุรู้มาเกี่ยวข้องด้วย
แต่ถ้าเป็นมนุษย์เป็นสัตว์เดรัจฉานนี้ก็มีธาตุรู้มาร่วมกับธาตุ ๔ คือดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วก็ท่องไปท่องมา ในอากาศธาตุ อากาศธาตุเป็นที่ท่องไปท่องมาของธาตุทั้ง ๔ คือดิน น้ำ ลม ไฟ และธาตุรู้ เช่นเวลาเราเดินไปไหนมาไหนแล้วก็เดินอยู่ในอากาศธาตุ เราไปเดินที่มันมีความว่าง ที่ตรงไหนมีหินเราเดินทะลุหินไม่ได้ เราต้องเดินที่ตรงไม่มีหินตรงไหนไม่มีหินไม่มีต้นไม้ ไม่มีอะไรก็เรียกว่าอากาศธาตุ นี่คือธาตุทั้ง ๖ ที่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดเป็นสิ่งต่างๆ ทั้งหลายปรากฏขึ้นมา ถ้าเราเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีเพียงแค่นี้ แล้วมันก็ไม่เที่ยงมันมารวมกันแล้วเดี๋ยวมันก็แยกออกไป เราก็จะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างได้ ใจของเราก็จะไม่ไปหลงไปยิดไปติดว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นพี่เป็นน้อง เป็นสามีเป็นภรรยาเป็นบุตรเป็นธิดาเป็นอาจารย์เป็นลูกศิษย์ มันเป็นเพียงธาตุ ๔ ธาตุ ๕ มารวมกัน คือธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ มารวมกับธาตุ ๕ คือธาตุรู้คือใจ ก็ปรากฏเป็นร่างกายกับจิตใจ ร่างกายก็ธาตุ ๔ จิตใจก็คือธาตุรู้ ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ธาตุรู้เป็นผู้สั่งให้ธาตุ ๔ ทำอะไรต่างๆ มาที่นี่ก็ใจเป็นคนสั่งให้มา แล้วเดี๋ยวสักวันหนึ่งธาตุ ๔ ก็ขอแยกตัวกันไม่สามัคคีกันแล้วก็เกิดอาการแตกดับของร่างกายตามมา เมื่อธาตุ ๔ แยกไปธาตุรู้ก็ต้องไปด้วย ไปหาธาตุ ๔ ก้อนใหม่มา มาเริ่มใหม่ถ้ายังมีความอยากที่จะมีร่างกายอันใหม่ ก็ต้องไปหาร่างกายอันใหม่ต่อ ถ้ามีปัญญาเห็นว่าการไปมีร่างกายอันใหม่เป็นการไปหาความทุกข์ ก็หยุดความอยากต่างๆ พอหยุดความอยากต่างๆ ธาตุรู้นี้ก็เป็นนิพพานไป เป็นพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันตสาวกไป ถ้ายังมีความหลงอยู่ก็จะเป็นสัตว์โลกไป เป็นเทวดาบ้าง เป็นพรหมบ้าง เป็นเดรัจฉานบ้าง เป็นมนุษย์บ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นนรกบ้าง อันนี้ก็เป็นตัวธาตุรู้ทั้งนั้น คือใจนี้.
ธรรมะบนเขา วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๙
“เส้นทางสู่พระนิพพาน”
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต