Recent Posts

แก้ไขจิตใจให้อยู่กับตัว

 


......... แก้ไขจิตใจให้อยู่กับตัว .......

จะเอาอะไรกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทั้งหลาย. ร่างกาย ความคิดทั้งหมด. ย่อมเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น. แต่จะทำอย่างไรให้จิตใจดั้งเดิมแท้แห่งตนนั้น. หลุดพ้นอิสรภาพ ถึงภาวะพุทธะอันเกษมเฉพาะตนของตน ปราศจากรูปนามขันธ์ห้าความคิดครอบงำอย่างสิ้นเชิงนั้น. จะทำอย่างไรล่ะ. นั่นเป็นสิ่งสำคัญ ต้องรู้จักทำสมาธิเจริญปัญญา เรียกว่าเจริญมรรคผล ......

......... และสมาธิจะเกิดขึ้นได้. ก็เกิดจากการที่รู้จักเจริญสติทำสติให้เป็นหนึ่งเดียว. ไม่ให้สติซัดซาดไปที่อื่นใดทั้งนั้น. ให้เป็นหนึ่งเดียวอยู่กับลมหายใจนั้นเป็นต้น. เราต้องเอาความรู้สึกของเรา. จิตใจของเราสติของเรา. ให้อยู่กับร่างกายตลอดเวลานั่นแหละ. ให้มองเห็นลมหายใจตลอดเวลาให้ได้. จิตของเราความรู้สึกของใจนั้น. ให้อยู่กับลมหายใจตลอดเวลา .....

......... หลับตาลงแล้วกำหนดความรู้สึกของเรา ให้เห็นลมหายใจตลอดเวลา. ทั้งรู้สึกอยู่กับลม. ทั้งเห็นลมหายใจตลอดเวลานั้น. ให้มีความต่อเนื่องตลอดสาย. มีความเพียรพยายามฝึกฝนจิตใจเช่นนี้. แล้วใจมันก็จะเป็นหนึ่ง เมื่อใจมันเป็นหนึ่งเดียว. สิ่งทั้งปวง ความคิดปรุงแต่งทั้งปวง. ก็จะหมดความหมายไป. ใจเราก็จะสงบเยือกเย็นใจ .....

......... เอาบริกรรมพุทโธ มากำกับ. ให้ความรู้สึกอยู่กับลมเป็นหลักๆๆๆ. ให้ความรู้สึกเห็นๆๆๆๆๆลมหายใจตลอดเวลาเป็นหลักไว้ให้ได้. ส่วนคำบริกรรมพุทโธๆๆๆๆนั้น. เป็นตัวช่วยเฉยเฉยเท่านั้น. สิ่งสำคัญความรู้สึก ต้องอยู่กับลมหายใจตลอดเวลาให้ได้ ....  

......... และฝึกหัดแผ่ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมทั้งร่างกายตลอดเวลาไว้ให้ได้ด้วยเรียกว่าเจริญสัมปชัญญะไปพร้อมกัน. สัมปชัญญะแปลว่ารู้สึกตัวทั่วพร้อมไปหมดทั้งร่างกาย. ส่วนสติระลึกรู้อะไรก็ได้. แต่ในที่นี้ต้องการให้เราระลึกรู้อยู่กับลม. เห็นลมหายใจเป็นหลัก. ส่วนสัมปชัญญะก็รู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่กับร่างกายเป็นหลัก. นั่นแหละตลอดเวลาเลย. ขณะที่เราฝึกหัดบำเพ็ญสมาธิ ....

......... บางครั้งเราจะลืมคำบริกรรมบ้างก็ไม่เป็นอะไร. แต่ขอให้ความรู้สึกอยู่กับลมหายใจเป็นหลักไว้. ให้ความรู้สึกนั้นเห็นลมตลอดเวลาหลักไว้. พยายามฝึกฝนไปตามนี้. จะแก้ไขจิตใจที่ไม่มั่นคงที่ฟุ้งซ่านชัดซาดนั้นได้ .....

........ มีความเพียรพยายามอดทนฝึกฝนจิตของตน. และจิตที่ฝึกดีแล้ว. จะนำความสุขมาให้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตชีวิต. ชีวิตจิตวิญญาณของเรา. จะร่มเย็นเป็นสุขได้. เพราะการฝึกฝนจิตให้เชื่องนั่นเอง. ฝึกนานนานไปจิตใจมันจะเชื่อง. ไม่ใช่ปล่อยไปตามยถากรรมไม่เกิดประโยชน์ .....

........ ถ้าฝึกจิตใจให้เชื่องให้อยู่กับตัวไม่ได้มันจะต้องเป็นทุกข์ใจอยู่ร่ำไป. จิตใจที่ส่งออกนอกนั่นล้วนแล้วแต่. เป็นหนทางของความทุกข์ทั้งนั้น. นั่นหนทางของความหลงทั้งนั้น. นั่นเป็นหนทางของความสำคัญผิด. ความยึดมั่นต่างๆก็จะอุบัติเกิดขึ้น. และจะนำมาซึ่งโทษภัยไข้เจ็บทางจิตวิญญาณนั้น. หากเราปล่อยให้จิตนั้น เป็นไปตามยถากรรมเช่นนั้น. หากเราไม่เชื่อสิ่งที่เป็นพระธรรมท่านสอนให้มีจิตใจอยู่กับตัว. เอวัง

..............................................

พระอาจารย์เจษฎา อาภากโร