Recent Posts

จัดการความโกรธ ความอยาก

 


“โมน”เป็นเด็กอายุ ๓ ขวบ

คราวหนึ่งโกรธป้ามาก

แม่เห็น แทนที่จะห้ามลูกว่า “อย่าโกรธ”

ก็ถามลูกว่า “ลูกโกรธใช่ไหม”

ลูกตอบว่าใช่

แม่จึงถามต่อว่า “โกรธแค่ไหน"

ลูกบอกว่า"โกรธเท่าฟ้า" ฟังดูน่าตกใจ

แต่ไม่นานโมนก็หายโกรธ


แม่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า

การช่วยให้โมนกลับมารู้ตัว

และเห็นอารมณ์ของตนเอง

แต่การทำเช่นนี้มีความสำคัญมาก

เพราะเมื่อโมนเห็นความโกรธของตน

ความโกรธในใจก็อ่อนกำลังและดับลงไปในที่สุด


คราวหนึ่งมีคนถามหลวงปู่ดูลย์ว่า

“หลวงปู่ครับ ทำอย่างไรจึงจะตัดความโกรธให้ขาดได้”

ท่านตอบสั้น ๆ ว่า “ไม่มีใครตัดให้ขาดได้หรอก

มีแต่รู้ทัน เมื่อรู้ทันมันก็ดับไปเอง”


ความโกรธนั้นก็เช่นเดียวกับอารมณ์อื่น ๆ

เราไม่สามารถตัดหรือกดข่มให้หายไปได้


การกดข่มนั้นทำได้อย่างมากก็แค่ขับไล่

ให้มันหลบซ่อนอยู่ในมุมมืดของใจ

เผลอเมื่อไรมันก็โผล่มาอาละวาดใหม่


บ่อยครั้งเรากลับพบว่ายิ่งกด มันยิ่งโผล่

ยิ่งอยากให้มันหาย มันยิ่งออกมารบกวน

เหมือนกับวัยรุ่นเกเรที่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ


วิธีหนึ่งที่ใช้ได้ผลในการจัดการความโกรธ

คือ"รู้ทันมัน"

ปกติเวลาโกรธใคร ใจเราจะพุ่งไปที่คนนั้น

คิดหาทางเล่นงานหรือจ้องตอบโต้เขา

ไม่ด้วยคำพูดก็การกระทำ

แต่ทันทีที่เราหันมามองใจของตน

จนเห็นความโกรธที่เผาลนจิตใจ

ความโกรธจะวูบลงทันที

เหมือนกองไฟที่ถูกชักฟืนออกมา


ความโกรธลุกลามได้ก็เพราะเราหมกมุ่น

ครุ่นคิดถึงคนหรือเหตุการณ์ที่เราไม่ชอบ

การหมกมุ่นครุ่นคิดเช่นนั้น

ไม่ต่างจากการเติมฟืนให้กับกองไฟ

ยิ่งเติมก็ยิ่งร้อน

แต่ทำไมถึงยังเติมไม่หยุด

นั่นก็เพราะเราเผลอปล่อยใจไปตามความโกรธ 

แต่เมื่อใดที่เรากลับมารู้ทันความโกรธ

หรือเห็นความโกรธกลางใจ

ความโกรธก็อ่อนแรงเพราะขาดเชื้อ

ไม่นานก็ดับไป


ใช่แต่ความโกรธเท่านั้น

แม้แต่ความอยากก็ดับลงได้

ด้วยการรู้ทัน

หรือเห็นมันอย่างต่อเนื่อง


เย็นวันหนึ่งลูกสาววัย ๑๒ มาออดอ้อนแม่

ว่าอยากได้ของเล่นชิ้นหนึ่งที่วางขายในร้าน

เป็นไมโครโฟนเล็ก ๆ ที่เสียบปลั๊ก

แล้วสามารถร้องเพลงได้หมือนนักร้องจริง ๆ

พอแม่ถามราคา ก็ตกใจ

เพราะราคาสูงถึง ๔๐๐ บาท


ลูกรบเร้าว่าอยากได้มากจริง ๆ

แม่จึงตกลงกับลูกว่า

แม่จะหักเงินค่าขนมของลูกครึ่งหนึ่ง

ใส่กระปุกทุกวันจนกว่าจะครบ ๔๐๐ บาท


อีกอย่างที่แม่อยากให้ลูกทำคือ

ทุกเย็นเป็นเวลา ๑ อาทิตย์ให้ลูกเข้าไปที่ร้านนั้น

และมองดูไมโครโฟน

“แล้วให้สังเกตด้วยว่าทุกวันที่มองดู

ใจหนูรู้สึกอย่างไร

ชอบมันมากเหมือนเดิมทุกวันไหม”


ผ่านไป ๔ วันเท่านั้น 

ลูกก็มาบอกแม่ว่าไม่อยากได้แล้ว

เมื่อแม่ถามว่าทำไม

ลูกตอบว่า “เบื่อ”

ลูกพูดต่อว่า “ดูนาน ๆ ก็เบื่อเอง

เพราะไม่เห็นมีอะไร

เก็บเงิน ๔๐๐ ไว้ดีกว่า”


เวลาเกิดความอยากได้นั่นได้นี่

เรามักทำตามความอยากทันที

คือขวนขวายไปหามันมา

จึงไม่มีโอกาสที่จะเห็นหรือรู้ทันความอยาก

แต่หากเราลองไม่ทำตามมันดูบ้าง

เช่น ไม่ซื้อหรือผัดผ่อนไปก่อน

มันจะแสดงตัวให้เราเห็นอย่างชัดเจน

ด้วยการ “โวยวาย”หรือดิ้นรนผลักดัน

ให้เราคล้อยตามมันให้ได้

ตรงนี้เองหากเราลองตั้งสติและดูมันไปเรื่อย ๆ

ไม่ช้าไม่นานมันก็จะสงบลงไปเอง


อารมณ์ที่บั่นทอนจิตใจ

ไม่ว่าความโกรธหรือความอยาก

เปรียบเสมือนโจรที่กลัวคนเห็น

ทันทีที่ถูกเห็น มันก็จะทนเฉยไม่ได้ 

ต้องล่าถอยไป 

เช่นเดียวกับความมืดที่แพ้แสงสว่าง


ถ้าไม่อยากให้โจรร้ายครองใจ

ก็ขอให้หมั่นดูใจของเราอยู่เสมอ


#พระไพศาล วิสาโล

#สวนธรรมเพียงรู้