Recent Posts

กระทบแล้วก็ดับ

 


ถ้ามีการ "หยุดดู หยุดรู้ จิตใจ" ของตนอยู่เนืองนิจแล้ว 


มันจะเป็นการตัดรอนทอน กำลังทาง "ผัสสะ"

ได้มากมายเหลือประมาณ 


เพราะมันกระทบทีไรก็ตาม ..

เห็นความดับของมัน "ทุกสิ่งมันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป"

 

"เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป" อย่างนี้ "ทุกลมหายใจเข้าออก" 


ไม่มีอะไรให้ "น่าเอา น่าเป็น" แต่ประการใดเลย 


เรื่องต่างๆ ที่ "จำมาปรุงมาคิด" นั้น 


มันก็เป็น"ความฝันชั่วขณะหนึ่ง" แล้วก็ดับไป


เป็นไปในลักษณะนี้ "เฉพาะหน้า ปัจจุบัน" 


ถ้าเป็นการ "ดูจริง รู้แจ้ง "


ในลักษณะของอารมณ์ทั้งหลาย

ที่ปรากฏเกิดดับเฉพาะหน้าทุกขณะแล้ว 


มันก็เป็น "ผัสสะที่กระทบแล้วก็ดับ"

"กระทบแล้วก็ดับ" 


"ไม่มีความหมายว่าเป็นดีเป็นชั่ว หรือเป็นสุขเป็นทุกข์ "


ข้อปฏิบัติที่น่าสนใจ คือ ..


"จะต้องอ่านตัวจริงที่ปรากฏให้แจ่มแจ้งอยู่ทุกขณะ"

 

"ไม่ต้องไปมีความจำหมายเอาเรื่องอะไรมา"

มันมีแต่ความ "ปล่อยวาง ว่างเปล่า" ไป 


ดูความจริงของอารมณ์ และผัสสะทั้งหลาย 

มันแสดงความเปลี่ยนแปลง

"ว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน" อยู่เฉพาะหน้าทุกๆ ขณะ 


ถ้าอ่านออกในเรื่องนี้แล้ว 

ข้อปฏิบัติจะไม่มีการไถลไป

หรือเฉไฉไปเอาเรื่องจำเรื่องคิดเข้ามา 

เป็นการทำให้นุงถุงยุ่งยาก 

แล้วก็เป็นการชักใยพันตัวเองอย่างซ้ำๆ ซากๆ 


ลักษณะของจิตที่มีการ "รู้ตัว" นั้น 

มันมีความแจ่มใส ไม่มืดมัว ไม่เร่าร้อน ไม่เศร้าหมอง 


จึงเป็นจิตที่ปราศจากกิเลสตัณหา 

แล้วก็เป็นจิตที่สะอาด สว่าง สงบ ขึ้นมา 


ท่านอุบาสิกา กี เขาสวนหลวง /๔ มิ.ย.๒๕๑๕