ทําอย่างไรจะได้สมาธิชนิดสงบเอาไว้พักผ่อน ทําอย่างไรจิตจะสงบได้สมาธิชนิดแรก เพ่งอยู่ในอารมณ์อันเดียว
เคล็ดลับอยู่ที่การรู้จักเลือกอารมณ์ การที่จิตฟุ้งซ่านเป็นเพราะจิตหิวอารมณ์ อยากมีความสุข วิ่งไปดูอย่างนี้ นึกว่าจะมีความสุขแล้วก็ไม่มี แล้วก็วิ่งไปฟัง วิ่งไปดมกลิ่น วิ่งไปลิ้มรส วิ่งไปรู้สัมผัสทางกาย วิ่งไปคิดนึก หวังว่าจะมีความสุขตลอดเวลาแล้วไม่มี จิตก็เลยฟุ้งซ่าน
ถ้าเราฉลาดในเรื่องของจิต
เราก็สังเกตเอาว่าจิตใจของเรา อยู่กับอารมณ์กรรมฐานชนิดไหนแล้วมีความสุข เคล็ดลับของการทําความสงบอยู่ที่ความสุข เคล็ดลับอยู่ตรงนี้เอง ฉะนั้น เราต้องรู้ตัวเอง อย่างหลวงพ่อตั้งแต่เด็กมานี่ ครูบาอาจารย์สอนอานาปานสติ มันถูกจริต หายใจแล้วมีความสุขตั้งแต่เด็กๆ นั่งหายใจไม่กี่วันเลยนะ จิตก็รวมสงบแล้วสบาย สว่างนะ เราต้องดูตัวเอง อย่าเลียนแบบครูบาอาจารย์ อย่าเลียนแบบเพื่อน นี่คือเหตุผลที่หลวงพ่อไม่จัดคอร์สสมาธิ เพราะอะไร เพราะว่าแต่ละคนมันทําไม่เหมือนกัน จะมาบังคับทุกคนหายใจเหมือนกัน บังคับทุกคนเดินเหมือนกัน ไม่ได้กินหรอก มันไม่ถูกจริต ต้องไปดูตัวเอง
หัดสังเกตตัวเอง ว่าเรา
อยู่กับอารมณ์กรรมฐานชนิดไหนแล้วมีความสุข ก็อยู่กับอารมณ์นั้นบ่อยๆ เนืองๆ วิธีอยู่กับอารมณ์
ไม่ใช่บังคับจิตว่าห้ามหนีจากอารมณ์ เช่น หลวงพ่ออยู่กับลมหายใจแล้วมีความสุข หลวงพ่อก็เห็นร่างกายมันหายใจไปเรื่อย ใจสบายๆ สงบก็ช่างไม่สงบก็ช่าง นี่เคล็ดลับทั้งนั้นนะ สงบก็ช่างไม่สงบก็ช่าง อยู่กับอารมณ์ที่มีความสุข
จิตใจไม่ได้ถูกบังคับ จิตใจไม่ได้ถูกบีบคั้น จิตใจอยู่ในอารมณ์ที่มีความสุข จิตใจก็จะไม่หนีเพลินไปหาอารมณ์อื่น ไม่ไปแสวงหาอารมณ์อื่น จิตก็สงบ
อย่างพุทโธ พุทโธแล้วมีความสุข บางคนพุทโธแล้วอึดอัด อึดอัดก็ไม่เอา กรรมฐานมีตั้งเยอะแยะนะ สมถะที่เขารวมไว้ในภาคปริยัติมีตั้ง ๔๐ อย่าง เอาเข้าจริงมีมากกว่านั้นอีก ๔๐ อย่างนี้ เป็นการจัดกลุ่มเท่านั้นเอง รวมเข้ามาจริงๆแล้วมีมากกว่านั้นอีก
ไปดูตัวเองว่าอยู่กับอารมณ์กรรมฐานอะไรแล้วมีความสุข
แต่มีข้อจํากัดอีกข้อหนึ่ง คือ อารมณ์นั้นต้องไม่ผิดศีลผิดธรรมนะ ถ้าด่าคนอื่นแล้วมีความสุขเลยด่าทั้งวัน อย่างนี้จิตไม่สงบ หรือ เล่นไพ่แล้วมีความสุข มีสมาธิไหม...มี แต่เป็น
สมาธิออกนอก ใช้ไม่ได้ ไม่สงบจริงหรอก เดี๋ยวก็จะคอยวอกแวก อยากได้ตาทิพย์ ไปดูว่าของเขาเบอร์อะไร นี่ต้องเลือกอารมณ์ที่มีความสุขด้วย อารมณ์ที่มันไม่ยั่วกิเลสไม่ผิดศีลผิดธรรมด้วย อย่างไปตกปลานี่สงบได้ไหม...ได้ แต่ว่ามันผิดศีลผิดธรรม ทําไปแล้วไม่ดี ทําไปแล้วสะสมนิสัยชอบเบียดเบียน ต่อไปจิตใจจะกระด้าง ยิ่งแย่กว่าเก่าอีก
อย่างเราหัดพุทโธ หัดหายใจ คิดถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม คิดถึงพระสงฆ์ คิดถึงทาน คิดถึงศีล คิดถึงความเมตตา คิดถึงความสงบ คิดถึงคนดีๆนี่เรียกว่า เทวตานุสสติ คิดถึงพระเจ้าอยู่หัวฯ คิดถึงสมเด็จพระเทพฯ รู้สึกไหมพอคิดถึงแล้วมีความสุข ต้องรู้จักเลือกคิดนะ เอาคนซึ่งเราคิดถึงแล้วร่มเย็น จิตใจมีปีติ มีความสุข คิดถึงอย่างนี้เรียกว่า เทวตานุสสติ คิดถึงร่างกาย ดูผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ไล่ขึ้นไล่ลงอยู่ในร่างกาย บางคนชอบ
บางคนดูแล้วกลัวอย่างนี้ก็ไม่เอา
เราต้องเอากรรมฐานที่ใจชอบ ทําแล้วมีความสุข เช่น รู้ลมหายใจ คิดถึงลมหายใจแล้วมีความสุข อย่างนี้ใช้ได้ทั้งนั้น อนุสสติมี ๑๐ อย่างนะ ยังเหลืออีก ๓๐ อย่าง ๓๐ อย่างนี้เป็นกสิณอีก ๑๐ ข้อ ที่เหลือเป็นอย่างอื่นอีกนะ เอาเท่าที่พอทําได้
ยุคนี้เป็นยุคที่คิดมาก เพราะฉะนั้นใช้กรรมฐานพวกอนุสสตินี้แหละ อนุสสติไม่ถึงกับห้ามคิด ให้ตามรู้ตามระลึก ตามคิดตามพิจารณาไป ใจมันก็สงบ เช่น เห็นร่างกายหายใจออก เห็นร่างกายหายใจเข้าแล้วมีความสุข แป๊บเดียวก็สงบ หรือคิดถึงพระพุทธเจ้า คิดถึงในหลวงอย่างนี้นะ ใจมีความสุข แป๊บเดียวก็สงบ ต้องเลือกกรรมฐาน ไปเลือกด้วยตัวเอง หลวงพ่อเลือกให้ไม่ไหว เพราะพวกเราเยอะ
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ที่มา : หนังสือการเดินทางสู่...ความดับสนิทแห่งทุกข์ หน้าที่ ๖๖-๖๙
บทความที่เกี่ยวข้อง
:
วิธีเดินปัญญาในฌาน
:
แยกให้ออก มิจฉาสมาธิ กับ สัมมาสมาธิ
:
เห็นสภาวะ และเห็นลักษณะ
:
หลักของวิปัสสนา